ไทยติด “โควิด” เพิ่ม 7 ราย กลับจากอินเดีย-สหรัฐฯ ดันยอดป่วยสะสม 3,169 คน ไร้เสียชีวิต!
ไทยติด “โควิด” เพิ่ม 7 ราย กลับจากอินเดีย-สหรัฐฯ ดันยอดป่วยสะสม 3,169 คน ไร้เสียชีวิต ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศต่อเนื่อง 35 วันแล้ว!
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันที่ 29 มิ.ย.63 เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล
โดยระบุว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศอินเดีย 6 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย เข้าพักยังสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ขณะที่ผู้ป่วยในประเทศ ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 35 วันแล้ว
ทั้งนี้ ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมขณะนี้เพิ่มเป็น 3,169 ราย รักษาหาย 3,053 ราย ยังรักษาอยู่ 58 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ยอดรวมผู้เสียชีวิต ยังคงอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 6 ราย เป็นหญิงไทย 3 ราย อายุ 28, 31 และ 26 ปี และเป็นชายไทย 3 ราย อายุ 42, 45 และ 61 ปี เดินทางมาจากอินเดียถึงประเทศไทยในวันที่ 23 มิ.ย.เข้าพักใน State Quarantine และตรวจหาเชื้อในวันที่ 26 มิ.ย.พบเชื้อ รวมทั้งพบว่า 3 รายมีอาการ เช่น ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น และหายใจลำบาก ส่วนอีก 3 รายไม่มีอาการ
ส่วนอีก 1 ราย เป็นหญิงวัย 27 ปี เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกาถึงไทยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เข้าพักใน State Quarantine ตรวจหาเชื้อในวันที่ 28 มิ.ย.พบเชื้อ โดยมีอาการไอ เจ็บคอ
“ขณะนี้ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศต่อเนื่องแล้ว 35 วัน ผู้ป่วยรายสุดท้ายที่พบในประเทศ คือเมื่อวันที่ 25 พ.ค.63 ตอนนี้สถานการณ์ในไทยถือว่าดี จำนวนผู้ป่วยใหม่ลดลง แต่ในต่างประเทศยังมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นมาก เรายังคงต้องระมัดระวัง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีผู้ป่วยใหม่ในประเทศ และหากจะมี ก็เป็นจำนวนที่ควบคุมได้” นพ.สุขุม ระบุ
อย่างไรก็ดี จากที่จะมีการผ่อนคลายมาตรการให้แก่กิจการและกิจกรรมในระยะที่ 5 เพื่อให้ประชาชนกลับมามีชีวิตที่ปกติ และใช้ชีวิตภายใต้ New Normal นั้น อาจจะยังมีความกังวลถึงการรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้สำรวจความพร้อมของจำนวนเตียงในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ตลอดจนยาและเวชภัฑณ์ต่างๆ พบว่า ทั่วประเทศมีจำนวนเตียงรองรับได้ถึง 2 หมื่นกว่าเตียง แบ่งเป็น เตียงสำหรับผู้ป่วย ICU และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 571 เตียง, เตียงสำหรับผู้ป่วยห้องแยกโรค 11,206 เตียง และเตียงทั่วไปใน Hospitel อีก 10,349 เตียง ส่วนด้านเวชภัณฑ์ มีหน้ากาก N95 อยู่ 1.12 ล้านชิ้น, ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) 5.11 แสนชุด และเครื่องช่วยหายใจ 11,096 เครื่อง
ขณะที่ยาฟาวิพิลาเวียร์ มีอยู่ในสต็อก 3.19 แสนเม็ด ซึ่งสำหรับรองรับการรักษาผู้ป่วยได้ราว 4,500 คน และคาดว่าจะมีการนำเข้ามาเพิ่มเติมในเดือนก.ค.นี้อีก 4 แสนเม็ด
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศว่า ในขั้นตอนของการทดลองวัคซีนในสัตว์ มีความก้าวหน้าไปมากใน 2 ชนิด จาก 6 ชนิด ซึ่งจะมีการเริ่มทดลองวัคซีนในคนระยะแรกเดือน ต.ค.63 ระยะที่วันที่ 2 ธ.ค.63 และระยะที่ 3 ต้นปี 64 ขณะที่การผลิตวัคซีนในระดับอุตสาหกรรมจะเริ่มต้นผลิตที่ 2-10 ล้านโดส และขยายเป็น 30 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำวัคซีนมาใช้ในคนได้เร็วขึ้นเป็นกลางปี 64 จากเดิมที่คาดว่าจะเป็นช่วงปลายปี 64