TPIPP คงเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.3หมื่นลบ. ลุยประมูลรฟฟ.เต็มสูบ ดันกำลังผลิตแตะ 526MW ในปี 67

TPIPP คงเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.3 หมื่นลบ. ลุยประมูลรฟฟ.เต็มสูบ ดันกำลังผลิตแตะ 526MW ในปี 67


นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็นกว่า 526 เมกกะวัตต์ (MW) ภายในปี 67 จากปัจจุบันอยู่ที่ 440 เมกกะวัตต์

โดยภาครัฐมีแผนเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะประมาณ 40 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 500 เมกกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแบบ VSPP ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งต่ำกว่า 10 MW จำนวน 30 โครงการ และโรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ที่มีกำลังการผลิตติดตั้ง 10-30 MW อีก 5-10 โครงการ

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าภาครัฐจะเริ่มทยอยเปิดประมูลโรงไฟฟ้าทั้ง 2 กลุ่มในปีนี้ได้ประมาณ 10-12 โครงการ  โดยบริษัทฯ จะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ VSPP และ SPP ดังกล่าว  ซึ่งโรงไฟฟ้าเหล่านี้คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตั้งแต่ปี 66

“ปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ จึงมีความพร้อมเข้าร่วมประมูล โดยจะพิจารณาโครงการที่มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เหมาะสมกับความเสี่ยงของโครงการ เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี” นายภัคพล กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทกำลังดำเนินการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard) ในชื่อ “จะนะ เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ตามมติ กพต. และมติ ครม. ซึ่งต้องการให้พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้เป็น Energy Complex ที่สะอาด ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมือนที่ บมจ. ทีพีไอ (TPI) เคยพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) มาแล้วสมัย นายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสุลานนท์ และ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งโครงการนี้จะนำความเจริญมาสู่จังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการสร้างงานและความมั่งคั่งให้ชาวไทย เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ

นายภัคพล กล่าวว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ 13,000 ล้านบาท หลังจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ทำรายได้แล้ว 2,535 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.33% ที่มีรายได้ 2,430 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 967 ล้านบาท ซึ่งหากไม่นับรวมกับการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทจะมีผลกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1,024 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 974 ล้านบาท  และปัจจุบันยังในระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ของโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 95%

Back to top button