MC ลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 10-15% จ่อเซ็นสัญญาร่วมทุนพันธมิตรใหม่ ส.ค.นี้

MC มั่นใจปีนี้กำไรยังเติบโตได้ แม้ลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 10-15% จากเดิม 20% หลังมองภาวะเศรษฐกิจยังไม่มีสัญญาณฟื้น เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ เตรียมเซ็นสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรผู้ผลิตเสื้อผ้าในประเทศ 1 ราย สิ้นเดือนส.ค.นี้ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องนุ่งห่มส่วนบน


นางนฤมล สิงหเสนี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือเติบโต 10-15% จากเดิมที่ 20% จากปี 57 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3.53 พันล้านบาท หลังจากมองภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อและการจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัวตาม โดยจะเห็นได้จากยอดขายในครึ่งปีครึ่งปีแรกของบริษัทเติบโตได้เพียง 7% ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ อย่างไรก็ตามบริษัทยังมั่นใจกำไรสุทธิจะยังมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 711.64 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 369.52 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ในครึ่งปีหลังบริษัทจะไม่เน้นการทำโปรโมชั่น เนื่องจากส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่จะเน้นการขยายสาขาและช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ โดยจะมีการขยายสาขาตามสถานีบริการน้ำมันของปตท.ที่ตั้งเป้าขยายในปีนี้ 10 สาขา ซึ่งเปิดไปแล้ว 3 สาขาในไตรมาส 2/58 และในไตรมาส 3/58 จะเปิด 3 สาขา และไตรมาส 4/58 จะเปิดอีก 4 สาขา

ประกอบกับการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทเอง โดยจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคมปีนี้ หลังจากมีผลตอบรับที่ดีจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ของ www.lazada.co.th และ www.zalora.co.th เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเริ่มหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าขนาดตลาดออนไลน์ในประเทศไทยยังคงเล็กอยู่

นอกจากนี้บริษัทยังมองว่าในช่วงไตรมาส 4/58 ยอดขายจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลและมีการจับจ่ายใช้สอยมาก ทั้งนี้บริษัทจะมีสาขาทั้งหมดในสิ้นปี 58 859-869 สาขา จากสิ้นปี 57 ที่ 839 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทจะมีการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรผู้ผลิตเสื้อผ้าในประเทศ 1 ราย ในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยจะมีการตั้งบริษัทย่อยขึ้นมา 1 บริษัท ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้น 51% และพันธมิตรถือ 49%

โดยมองถึงโอกาสในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องนุ่งห่มส่วนบน ซึ่งพันธมิตรที่ร่วมทุนมีควบมชำนาญด้านการผลิตและมีนวัตกรรมในการผลิต ส่วนบริษัทจะเป็นผู้ทำการออกแบบและเป็นผู้ที่ทำการขายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัท โดยจะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทในระยะยาว และมีผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่มห่มที่ครอบคลุม

สำหรับสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศของบริษัทคาดว่าสิ้นปี 58 จะเพิ่มเป็น 1% จากสิ่นปี 57 ที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 0.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายช่องมางการจัดจำหน่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายของบริษัท เช่น ลาว พม่า อินโดนีเซีย และฮ่องกง ส่วนกัมพูชาจะเริ่มเปิดการจำหน่ายในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้

Back to top button