“มาสเตอร์คูล” เสนอขาย IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น จ่อเทรด mai ใน Q3/58

"มาสเตอร์คูล" หรือ KOOL ผู้ดำเนินธุรกิจหลักในการจัดหา-จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความเย็น เสนอขาย IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น เตรียมเข้าเทรด mai ภายใน Q3/58 โดยมีบล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 3/58 โดยมีแผนจะเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนระหว่างวันที่ 24-31 ส.ค.นี้ ที่ จ.เชียงใหม่ ขอนแก่น และนครราชสีมา

ทั้งนี้ KOOL ดำเนินธุรกิจหลักในการจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความเย็น อาทิ พัดลม พัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำ และพัดลมอุตสาหกรรม เป็นต้น ภายใต้ตราสินค้า MASTERKOOL และ Cooltop มีแผนระดมทุนจาการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) เพื่อนำเงินไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงสร้างคลังสินค้าเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) พัดลมไอน้ำและพัดลมไอเย็นสูงที่สุดในประเทศไทย

ด้านนายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ KOOL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ราว 40% หลังในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโตแล้วกว่า 40% สำหรับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯก็มีผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 30-40% โดยการเติบโตจากนี้ไป บริษัทคาดว่ายังมีโอกาสเติบโตสูง เพราะตลาดแอร์และพัดลมมีมูลรวมอยู่ถึง 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้น บริษัทจึงยังมีโอกาสทางธุรกิจและยังสามารถเติบโตได้ดี

นอกจากนี้ ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจแบรนด์ของ KOOL มากขึ้น และที่ผ่านมายังมีอีกหลากหลายกลุ่มที่ยังไม่รู้จักบริษัท ดังนั้น บริษัทจะได้มีโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มต่างๆเหล่านี้มากยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับจุดแข็งของบริษัทมีหลายด้าน เพราะเป็นผู้คิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์เอง ทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาลดอุณหภูมิได้ดีกว่าคู่แข่ง และยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 450 แห่ง โดยเฉพาะผ่านทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น แม็คโคร โฮมโปร เมกาโฮม บิ๊กซี บุญถาวร โกลบอลเฮ้าส์ และไทวัสดุ ซึ่งมีช่องทางการจำหน่ายทั้งสิ้น 204 สาขา รวมทั้งมีการจัดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ชั้นนำ

นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่นการเป็นผู้จำหน่ายและให้บริการระบบโอโซน ผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท อินโนว์ กรีน โซลูชั่น จำกัด (ingreen) ซึ่งจะเป็นสินค้าที่สามารถพัฒนาใช้ได้ในหลายๆ อุตสาหกรรมจึงยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

นอกจากนี้นางสาวสุธางค์ เปิดเผยอีกว่า บล.ทรีนีตี้ ยังมีหุ้น IPO ในมืออีกจำนวน 5-6 บริษัทที่เตรียมทยอยเข้าจดทะเบีบนจนถึงปี 2561  โดยเป็นธูรกิจในกลุ่มไอที, บริการด้านการเงิน, ก่อสร้าง และ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

ทั้งนี้ ยังมองว่าตลาด IPO ยังน่าสนใจ โดยนักลงทุนยังให้ความสนใจจองซื้อหุ้น IPO ซึ่งมองว่าการเสนอขายหุ้นต้องมีจังหวะที่ดี พิจารณาถึงสภาวะตลาดในช่วงนั้นประกอบด้วย

Back to top button