“ศบค.” สั่งยกเลิก 8 เที่ยวบินอียิปต์ เข้าไทย-ทบทวนสิทธิ์ VIP “คณะทูต”!
"ศบค." สั่งยกเลิก 8 เที่ยวบินอียิปต์ เข้าไทย-ทบทวนสิทธิ์ VIP "คณะทูต" พร้อมรอดูสถานการณ์ 14 วัน ก่อนเคาะล็อกดาวน์อีกรอบหรือไม่!
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.เช้าวันนี้ (14 ก.ค.63) มีมติให้ชะลอการอนุญาตเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของชาวต่างชาติแบบผ่อนคลายมาตรการ State Quarantine ตามข้อกำหนดฉบับที่ 12 (2) คือกลุ่มที่มีเหตุยกเว้นหรือได้รับอนุญาต, (3) บุคคลในคณะทูต, (11) กลุ่มนักธุรกิจที่จะเข้ามาในระยะสั้น
ทั้งนี้ ศบค.จะทบทวนการผ่อนคลายมาตรการกักกันของบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกการอนุญาตการบินเข้าของกองทัพอากาศอียิปต์ที่อนุญาตแล้วและกำลังจะอนุญาต 8 เที่ยวบิน (17-20 และ 25-29 ก.ค.63)
“เราขอทบทวนทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนอีกครั้งก่อนจะรับคนต่างชาติเข้ามา ต้องขออภัยประชาชนจังหวัดระยองและกรุงเทพฯ เด็กๆ ต้องปิดโรงเรียนมากกว่า 10 โรงเรียน เป็นข้อที่ไม่สบายใจและต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ซึ่งจะทำให้ดีกว่านี้ จะดูอย่างละเอียดมากกว่านี้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าวหลังจากเกิดกรณีผู้ติดเชื้อโควิดในกลุ่มทหารอียิปต์และครอบครัวนักการทูตชาวซูดาน
ส่วนกรณีดังกล่าวจะนำไปสู่การล็อกดาวน์อีกครั้งหรือไม่ คงต้องติดตามสถานการณ์จากนี้อีก 14 วัน ซึ่งเป็นระยะการฟักตัวของเชื้อโรคว่าพบการแพร่ระบาดที่ต้นตอมาจากทั้งสองกรณีหรือไม่ และจะติดตามในระยะเวลา 14 วัน หากพบว่ามีการติดเชื้อในพื้นที่ หรือควบคุมโรคไม่ได้ ก็จะต้องล็อกดาวน์ หรือหากไม่ได้รับความร่วมมือและเกิดการแพร่กระจายกันไปมากขึ้น ก็จะมีมาตรการเพิ่มเติมออกมา
“เราสอบสวนโรคดูเส้นทางการเดินทางของ (คณะทหารอียิปต์) 31 คน ไม่ใช่แค่ผู้ติดเชื้อ เพื่อจำแนกแยกแยะผ่านเวลาและเส้นทาง จึงได้ตัวเลขออกมาของผู้ที่ใช้ไทยชนะในช่วงเวลาเดียวกัน เราตีวงขอบเขตได้ และจะติดตามในระยะเวลา 14 วัน ว่ามีการติดเชื้อในพื้นที่ขึ้นมาหรือไม่ หากควบคุมโรคได้ก็ไม่ต้องล็อกดาวน์ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือ เกิดการแพร่กระจายกันไปมากขึ้น มาตรการเพิ่มเติมก็จะเกิดขึ้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
พร้อมกันนี้ นพ.ทวีศิลป์ ยังได้ชี้แจงไทม์ไลน์ของทั้งสองกรณี ดังนี้
1. กรณีคณะทหารอียิปต์ รวมทั้งกับตันและลูกเรือรวม 31 คน
– 6 ก.ค.63 เดินทางจากประเทศอียิปต์ด้วยเที่ยวบิน EGY1215 และ EGY1216 – ไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต์ (ยูเออี)
– 7 ก.ค.63 เดินทางจากประเทศยูเออี-ไปประเทศปากีสถาน
– 8 ก.ค.63 เดินทางจากประเทศปากีสถาน ถึงสนามบินอู่ตะเภา เวลา 19.00 น. จากนั้นเวลา 23.00 น.เข้าพักที่โรงแรม DVaree ในจ.ระยอง
– 9 ก.ค.63 ออกจากโรงแรม DVaree ไปยังสนามบินอู่ตะเภาเวลา 05.30 น.เพื่อเดินทางไปปฎิบัติภารกิจที่เมืองเฉินตู ประเทศจีน
– 10 ก.ค.63 เดินทางจากจีนกลับถึงประเทศไทยเวลา 02.00 น. ออกจากสนามบินอู่ตะเภามาพักที่โรงแรม DVaree
จากนั้นในช่วงบ่าย กัปตัน ทหาร และลูกเรือรวม 31 คน โดยผู้ติดเชื้อคือ 1 ใน 27 คน เดินเท้าไปห้างแหลมทองเวลา 11.00 – 14.59 น. ส่วนลูกเรืออีก 4 คน (ไม่รวมผู้ติดเชื้อ) นั่งแท็กซี่ไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลระยอง ช่วงเวลา 14.00-18.00 น. และเรียกรถแท็กซี่ทางโทรศัพท์คันเดิมให้ไปรับ
– 11 ก.ค.63 เวลา 11.00 น. ออกเดินทางกลับประเทศอียิปต์
ทั้งนี้ จากการตรวจติดตามสอบสวนเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมพบว่าคณะดังกล่าวมีเพียง 3 คนจาก 31 คนใส่หน้ากากอนามัยขณะออกนอกเคหสถาน แต่ส่วนใหญ่มีหน้ากากอนามัยติดตัวแต่ไม่ใส่ และมีข้อมูลว่าทหารกลุ่มดังกล่าวไม่ได้ออกนอกสถานที่ในเวลากลางคืน เพราะมีภารกิจตอนเช้า
จากกรณีดังกล่าวพบผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่มีความเสี่ยงสูง 9 รายคือ เกี่ยวข้องกับโรงแรม DVaree 7 ราย โดยเป็นผู้จัดการ 2 ราย, Sale 1 ราย เจ้าหน้าที่ 4 ราย และที่สนามบินอู่ตะเภา เป็นขับรถตู้ 2 ราย ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 9 ราย คือ ทีม CDCU หรือ หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ ทีมตรวจคนเข้าเมืองระยอง
ทั้งนี้ ห้างฯ แหลมทอง ข้อมูลตัวเลขในแอปฯ “ไทยชนะ” ประชาชนชาว จ.ระยอง ที่เดินห้างพร้อมทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ช่วงเวลา 11.00-15.00 น. จำนวน 394 คน และพบผู้ใช้บริการห้างเซ็นทรัลระยองช่วงเดียวกับทหารอียิปต์มี 1,488 คน
โดย 7 คน จนท.ยังตรวจสอบโทรศัพท์ไม่ได้ แต่กรมควบคุมโรคจะติดตามหมายเลขโทรศัพท์ไปให้มาตรวจ แต่ถ้าใครสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 มาตรวจหาเชื้อได้เลย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทีมทหารอียิปต์เข้ามาจากการขออนุญาตผ่านสถานทูต และนำมาสู่การขออนุญาตไปยังกระทรวงต่างประเทศ จากนั้นได้ประสานไปยังกองทัพอากาศ (ทอ.) จนกระทั่งมีการตอบรับ เพราะกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นหลายเที่ยวบินมาแล้ว และเป็นกรณีของการปฏิบัติปกติ ตามข้อกำหนด (5) ตามประกาศฉบับที่ 7/2563 ตามมาตรการการป้องกันโรค ซึ่งเข้ากลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะที่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามามีกำหนดการเดินทางเข้ามาอย่างชัดเจน โดยมีรายงานตรวจหาเชื้อจากประเทศต้นทางเข้ามา
“ต้องขอชมในพื้นที่ทางทีมงานกระทรวงสาธารณสุขและฝ่ายความมั่นคง หลังพบทหาร 31 รายออกจากโรงแรมไป ทีมสาธารณสุขขอเข้าไปเจรจา เข้าไปตรวจแต่โดนปฏิเสธขั้นแรก นำไปสู่ต้องประสานไปยังสถานทูตอียิปต์ใน 30 คนผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อในตอนแรก และพบว่ามีทหารอียิปต์ติดเชื้อ 1 รายในวันที่เดินทางกลับไปแล้ว ตามที่รายงานไป” โฆษก ศบค. กล่าว
2.กรณีผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 9 ปีชาวซูดาน บุตรสาวอุปทูตซูดานประจำประเทศไทย
-7 ก.ค.63 มารดานำผู้ป่วยและครอบครัวรวม 5 คน ไปตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศซูดาน ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ
-10 ก.ค.63 ผู้ป่วยและครอบครัวเดินทางมาถึงไทยด้วยเที่ยวบินที่ MZ3277 เวลา 05.40 น. ผลคัดกรองไม่มีอาการ เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างส่งตรวจ
จากนั้นเวลา 9.25 น. ผู้ป่วยและครอบครัวเดินทางถึงคอนโดมิเนียม ONE X Condominium ขึ้นลิฟท์เบอร์ 3 ขณะที่เจ้าหน้าที่โทรแจ้งผลยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19
และเวลา 11.38 น.รถจากโรงพยาบาลมารับไปรักษาที่ รพ.พญาไท นวมินทร์ ระหว่างการรักษาพบอาการปอดอักเสบจึงขอย้ายไปสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีเมื่อวันที่ 12 ก.ค.
-12 ก.ค. 63 เวลา 04.00 น. อุปทูตและครอบครัวย้ายออกจากคอนโดฯ ไปพักบ้านพักสถานทูตซูดาน ซอยสวนพลู มีประตู 3 ชั้น พื้นที่ 200 ตารางวา อาศัยร่วมกับภรรยาและลูกอีก 3 คน โดยระหว่าง 10 -12 ก.ค.ผู้ป่วยและครอบครัวอยู่ในห้องที่คอนโดฯ ไม่ได้ใช้บริการสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และไม่ได้ออกไปภายนอก
สำหรับเคสนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 7 ราย คือ คนในครอบครัว 3 ราย, คนขับรถ 1 ราย, เจ้าหน้าที่สถานทูต 1 ราย, สนามบิน เป็นคนขับรถตู้ 2 ราย ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำจำนวน 15 ราย คือ ผู้ใช้ลิฟท์ต่อจากครอบครัวนี้ประมาณ 15 คน