STA-STGT บ่ายพลิกลบ 2% คาดนลท.ขายทำกำไรหลังแรลลี่ยาว! สวนโบรกฯแนะซื้อ อัพเป้าสูง
STA-STGT บ่ายพลิกลบ 2% คาดนลท.ขายทำกำไรหลังแรลลี่ยาว! สวนโบรกฯแนะซื้อ อัพเป้าสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ณ เวลา 15.57 น. อยู่ที่ระดับ 79.75 บาท ลบ 2.00 บาท หรือ 2.45% ราคาสูงสุดที่ระดับ 89.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 78.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.91 พันล้านบาท
ด้านบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ณ เวลา 15.59 น. อยู่ที่ระดับ 29.50 บาท ลบ 0.75 บาท หรือ 2.48% ราคาสูงสุดที่ระดับ 31.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.94 พันล้านบาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า STGT(FV @ 90.00) ทยอยปรับเพิ่มราคาขายถุงมือยางได้ต่อเนื่องราว 5% ต่อเดือน ตั้งแต่สิ้นงวดไตรมาส 1/63 ขณะที่คาดปริมาณขายถุงมือยางของ STGT ในปี 2563-64 จะเติบโตถึง 40.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 7.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มาที่ 2.8 หมื่นล้านชิ้น และ 3.0 หมื่นล้านชิ้น ทำให้โดยรวมแล้ว คาดกำไรสุทธิปี 2563-64 ของ STGT จะเติบโตถึง 558.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 7.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
โดยคาดแนวโน้มกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/63 ของ STGT จะเติบโตโดดเด่น ทั้งเทียบไตรมาสก่อนหน้าและ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และขึ้นทำ New high รายไตรมาส ตั้งแต่งวดไตรมาส2/63 ถึงไตรมาส 4/63 ขณะที่ Valuation ยังน่าสนใจกว่าหุ้นถุงมือยางในมาเลเซียมาก
โดยล่าสุด STGT ซื้อขายที่ PER ปี 2563 ที่ 28 เท่า ต่ำกว่าหุ้นถุงมือยางในเมาเลเซียที่ซื้อขายที่ PER เฉลี่ย 35 เท่ามาก จึงยังแนะนำซื้อ กำหนด Fair Value ปี 2563 ที่ 90 บาท
ด้าน STA(FV @ 37.00) (ถือหุ้น STGT 56.1%) ก็ได้ประโยชน์จากธุรกิจถุงมือยางที่เติบโตโดดเด่นเช่นกัน นอกจากนี้ ธุรกิจยางพาราในปี 2563 จะฟื้นตัวจากปีก่อน จากคู่แข่งโรงงานแปรรูปยางพารารายกลาง 3-4 ราย หยุดดำเนินการผลิตชั่วคราว ทำให้ลูกค้าหันมาสั่งซื้อยางพาราจาก STA มากขึ้น เพราะเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่สุดของโลก หนุนแนวโน้มปริมาณขายยางพาราปี 2563-64 เพิ่มขึ้น 17.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 7.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ล้วนหนุนแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2563 เท่ากับ 3.6 พันล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุนสุทธิ 149 ล้านบาทในปี 2562
ขณะที่คาดแนวโน้มกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/63 เติบโตทั้ง เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจถุงมือยางเติบโตต่อเนื่อง จึงแนะนำซื้อ กำหนด Fair Value ปี 2563 เท่ากับ 37 บาท โดยใช้วิธี SOTP โดยกำหนด Fair Value ของธุรกิจถุงมือยางเท่ากับ 28 บาท โดยใช้ Fair value ของ STGT ตามสัดส่วนการถือหุ้นของ STA ซึ่งได้รวมส่วนลด (Discount) จากมูลค่าพื้นฐานของ STGT ถึง 35% และ Fair Value ของธุรกิจถุงมือยาง เท่ากับ 9 บาท
นอกจากนี้ราคาหุ้น STA ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนมี Market Cap. ที่ 4.64 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นอันดับสูงกว่าหุ้นที่เล็กสุดใน SET50 อย่าง TCAP 3.9 หมื่นล้านบาท และใกล้กับอันดับที่ 49 อย่าง WHA 4.69 หมื่นล้านบาท ทำให้ STA มีโอกาสสูงที่จะเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบถัดไป (1H64)