“อุตตม” นำทีม 4 กุมาร เปิดใจโบกมือลารัฐบาล ลดความกดดันการเมือง-เปิดทางปรับ ครม.!

“อุตตม” นำทีม 4 กุมาร เปิดใจ โบกมือลารัฐบาล หวังลดความกดดันการเมือง-เปิดทางปรับ ครม. พร้อมยืนยันจากกันด้วยดี!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.ค.63) เมื่อเวลา 09.30 น.โดยประมาณ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อนายกรัฐมนตรีผ่านทางนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ภายหลังยื่นหนังสือลาออก ทั้ง 4 คน ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล 3 จุด จากนั้นจึงแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่ชั้น 1 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล

โดยนายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเลขาธิการนายกฯเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขณะที่นายกอปศักดิ์ ได้รับมอบหมายจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำหนังสือลาออกมายื่นพร้อมกันด้วย ถือว่าจากกันด้วยดี

“ท่านนายกฯ ได้รับทราบการลาออกแล้ว เพราะประสานไปทางเลขาธิการนายกฯ มาก่อนหน้านี้ ถือว่าจากกันด้วยดีทุกฝ่าย” นายอุตตม กล่าว

นาอุตตม ย้ำว่า การลาออกครั้งนี้ทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ และหวังว่าการลาออกครั้งนี้จะช่วยลดแรงกดดันทางการเมือง ทั้ง 4 คนจึงเห็นว่าควรจะลาออกในช่วงเวลานี้และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรีต่อไป ยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันทางการเมือง และเป็นการตัดสินของทุกคนเอง

  “ก็เรียกได้ว่า โล่งอกระดับหนึ่ง…พวกเราเห็นพ้องต้องกัน เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ออกจากตำแหน่งที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มา เพราะมองแล้ว เหตุการณ์ที่เราเห็นกันอยู่ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ความคลุมเครือหายไป เราคิดว่า เรามีส่วนช่วยของเรา ที่ลดความกดดันทางเมืองที่อาจจะมีต่อนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลานี้ ส่งผลต่อการบริหารบ้านเมืองได้ เราคิดด้วยกันแล้ว คิดว่า ออกเสียในช่วงนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไปไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม.ก็ตาม” นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบว่าจะยื่นหนังสือลาออก แต่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีคงรับทราบแล้ว ขณะที่นายสมคิดก็ไม่ได้เล่าให้ฟังว่าได้พูดคุยอะไรกับนายกรัฐมนตรีบ้าง แต่ก็แจ้งให้นายสมคิดทราบถึงเหตุผลในการตัดสินใจแล้ว โดยนายสมคิดไม่ได้ขอให้ทั้ง 4 คนลาออกไปพร้อมกัน เพราะเหตุผลการลาออกของนายสมคิดมาจากปัญหาเรื่องสุขภาพ

ทั้งนี้ ยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้เป็นการจากกันด้วยดี ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนเองแล้วและเห็นว่าจากสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ ทุกคนต้องช่วยกันประคับประคอง ส่วนอนาคตทางการเมือง นายอุตตม ระบุว่า เรื่องใดที่สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ ก็พร้อมที่จะดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ในนามของทั้ง 4 คน ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความไว้วางใจและให้โอกาสเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองในระยะหนึ่ง ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาพอสมควร นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนได้มาในครั้งนี้ และทุกคนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง

          “เจ็บตัวมั้ย เจ็บตัวเรื่องอะไรไม่มีอะไรเจ็บตัวเลย เราก็ทำหน้าที่ของเรา เมื่อถึงเวลาก็สับเปลี่ยน ผมเชื่อว่า ไม่ว่าเราใส่หมวกใบไหนก็ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้” นายอุตตม กล่าว

ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึกที่อยู่ในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นงานหนักสำหรับคนที่เข้ามาคุมเศรษฐกิจหลังจากนี้นั้น นายอุตตม กล่าวว่า ทุกคนมีเหตุผลในการตัดสินใจลาออก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารบ้านเมืองและเชื่อว่าจะนำพาบ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤตต่างๆไปได้ ส่วนใครจะมารับหน้าที่ต่อก็ยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเลือกผู้ที่มีความสามารถมาร่วมทีมได้

ทั้งนี้ ไม่ขอฝากอะไรเป็นพิเศษไปถึงทีมเศรษฐกิจใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน ซึ่งทุกคนทราบดีว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย ส่วนรายชื่อทีมเศรษฐกิจที่ปรากฎออกมาตามสื่อฯนั้น ก็ไม่ขอแสดงความเห็น ต้องรอให้มีการปรับ ครม.ที่ชัดเจนก่อน

ส่วนเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีแจ้งนายสมคิดว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นเหตุผลทางการเมืองนั้น นายอุตตม กล่าวว่า ไม่สามารถแสดงความเห็นได้เช่นกัน เพราะไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ทั้งสองคนได้พูดคุยอะไรกัน และขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองอื่นๆมาทาบทามให้ร่วมงาน ทั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจว่าจะลาออกในวันที่ครบรอบการทำงาน 1 ปีของรัฐบาล แต่เป็นการประเมินจากสถานการณ์

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวยืนยันว่า ในขณะนี้ยังไม่คิดถึงเรื่องการตั้งพรรคการเมือง แต่ทุกคนมีความพร้อมที่จะช่วยกันคิดเพื่อบ้านเมือง และสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็ยินดีสนับสนุน แต่ขอพักบทบาททางการเมืองก่อน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นห่วง คือสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นสถานการณ์ที่ต้องการพลังร่วมกันในการทำงาน และไม่อยากเห็นการเมืองเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนบ้านเมือง และทุกคนอยากมีส่วนช่วยทำให้บรรยากาศบ้านเมืองมีการพัฒนา หรือปรับให้กลไกการบริหารบ้านเมืองไม่มีความคลุมเครือต่อไป และในวันนี้ยังไม่คิดถึงการกลับเข้ามาทำงานทางการเมือง ขอคิดเรื่องพักผ่อนก่อน

พร้อมฝากว่า สิ่งที่อยากเห็นหลังจากนี้ คือเห็นการเมืองในเชิงพัฒนาให้สอดรับกับสภาวะของโลกและของประเทศ ซึ่งการเข้ามาทำงานทางการเมือง ถือว่าได้บทเรียนและเรียนรู้ทางการเมืองระดับหนึ่ง และขอเป็นกำลังใจในการพัฒนาการเมือง อยากฝากให้การเข้ามาทางการเมืองของทุกคนในครั้งนี้ เป็นแรงบันดาลใจกับคนดีๆที่อยากเข้ามาช่วยบ้านเมือง เพื่อจะได้มีโอกาสเช่นเดียวกัน ถือเป็นบทเรียนที่ดีของชีวิตไม่ว่าแง่มุมใดก็ตาม

Back to top button