โผล่อีกเคส! VIP สถานทูตเอสโทเนีย ขอกักตัวคอนโดหรูกลางกรุง โดนปัดทันควัน หวั่น “โควิด”
โผล่อีกเคส! VIP สถานทูตเอสโทเนีย ขอกักตัวคอนโดหรู ย่านสุขุมวิท โดนปัดทันควัน หวั่น “โควิด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เกิดกรณีเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ลูกสาวทูตซูดานที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นครอบครัว ติดเชื้อโควิด-19 โดยเข้าพักที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และไม่ได้กักตัว 14 วัน ยังสถานที่ที่รัฐบาลจัดให้ ตามข้อยกเว้นให้กับคณะทูตที่มาปฏิบัติงานในประเทศไทย จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ใหญ่โตว่าทำให้ประเทศเสี่ยงกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระลอกสอง ทำให้ทาง ศบค. ต้องออกมาขอโทษประชาชน และปรับมาตรการใหม่ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (16 ก.ค.63) เวลาประมาณ 21.00 น. กลับเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท เมื่อสถานทูตเอสโตเนีย ส่งเจ้าหน้าที่จากสถานทูต 1 คน ขอเข้าพักที่คอนโดดังกล่าว แต่ไม่ได้รับการยินยอมจากฝ่ายอาคารและนิติบุคคล โดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องมีการเจรจานานหลายชั่วโมง ทั้งนี้ ในการเจรจา ทางคอนโดฯ ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ที่สถานทูตที่ต้องการเข้าพัก รอในรถตู้ และให้ตัวแทนเป็นผู้มาเจรจา
ด้านนางนาตาชา รอยส์ รองประธานกรรมการ บริษัท พีพีเอ็ม จำกัด ซึ่งบริหารพื้นที่นิติบุคคลอาคารชุดมิลเลนเนี่ยมเรสซิเด้น เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ได้รับการติดต่อจากสถาทูตเอสโทเนีย แจ้งว่าจะมีคนจากสถานทูตเข้าพักกักตัว 14 วัน ที่คอนโดฯ นี้ พร้อมกับส่งหลักฐานการตรวจหาโรคโควิด-19 ทั้งจากสถานทูตต้นทาง และสนามบินสุวรรณภูมิมาด้วย แต่ทางนิติบุคคลยืนยันว่า ไม่อนุญาตให้กักตัว เนื่องจากหากมีการติดเชื้อจะส่งผลต่อลูกบ้านที่มีถึง 604 ห้อง อีกทั้ง ห้องพักที่มีการเช่าไว้ เป็นการเช่าในนามบุคคล ไม่ใช่ในนามสถานทูต จึงขอให้ไปพักที่อื่น แต่ทางตัวแทนของสถานทูตไม่ยินยอม โดยอ้างเอกสิทธิ์ทางการทูต ในการเข้าพัก ทางนิติบุคคลจึงประสานไปยังตำรวจ และสำนักงานเขตคลองเตย ให้เข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์
นอกจากนี้ ทางนิติบุคคล ได้ประสานไปยัง ศบค. เพื่อให้ช่วยประสานเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับการแจ้งกลับมาว่า ให้ประสานไปยังสถานทูตเอง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างคอนโดฯ และ สถานทูตเอง
กระทั่งเวลาต่อมา ผู้แทนสถานทูตได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอให้จัดสถานที่พักให้ และยินยอมที่จะย้ายไปพักยังสถานที่ที่กระทรวงการต่างประเทศจัดหาไว้ให้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้อำนวยการเขตคลองเตยได้ทำการตรวจสอบและขอให้ทางสถานทูตแจ้งกลับว่าไปพักที่ใดเพื่อให้สามารถติดตามได้หากพบการติดเชื้อในภายหลัง