“สนธิรัตน์” เข้ากระทรวงฯ ฝากสานต่องานค้างท่อ “ประมูลแหล่งปิโตรเลียม-รฟฟ.ชุมชน”

“สนธิรัตน์” เข้ากระทรวงพลังงาน ฝากสานต่องานค้างท่อ “ประมูลแหล่งปิโตรเลียม-รฟฟ.ชุมชน” หลังยื่นหนังสือลาออกวานนี้!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. วันนี้ (17 ก.ค.63) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางไปที่กระทรวงพลังงาน เพื่ออำลาตำแหน่ง และประชุมผู้บริหารกระทรวงพลังงาน เพื่อฝากงานที่ค้าง

โดยนายสนธิรัตน์ เปิดเผยว่า โครงการที่อาจเกิดความล่าช้าหลังจากที่ตนได้ลาออกจากตำแหน่ง รมว.พลังงาน คือการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ เป็นรอบที่ 23 ที่เตรียมจะลงนามออกประกาศในช่วงสัปดาห์หน้า รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ที่ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2561-2580 ฉบับปรุงปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) อยู่ระหว่างการรอเข้าพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนจะออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าตามโครงการต่อไป

“ผมคงไม่มีสิทธิ์กังวล หน้าที่ของผู้บริหารทางการเมืองเป็นไปตามกลไกและวาระ ผมคงไม่อาจห่วงใยอะไรได้มาก ทุกสิ่งที่ทำวางไว้อยู่บนโต๊ะ ท่านใหม่มา ท่านต้องทำอะไรก็เป็นดุลยพินิจของท่าน” นายสนธิรัตน์ กล่าวในวันอำลาตำแหน่งหลังจากได้ยื่นลาออกเมื่อวานนี้ (16 ก.ค.)

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเตรียมจะเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ ซึ่งเป็นรอบที่ 23 ในพื้นที่อ่าวไทย จำนวน 3 แปลง ซึ่งได้มีการหารือร่วมกันและนัดหมายว่าจะออกประกาศในสัปดาห์หน้า แต่หลังจากนี้คงต้องรอให้ รมว.พลังงานคนใหม่เข้ามาดูแลเรื่องนี้ต่อไป โดยโครงการดังกล่าวนับว่าเป็นโครงการที่สำคัญที่จะสร้างความมั่นคงของปริมาณก๊าซธรรมชาติ หลังจากที่ไทยไม่ได้เปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมมาเป็นเวลานับสิบปี นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชานั้น ขณะนี้ก็มีความคืบหน้าไปมากก็คาดหวังจะมีความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลงในระยะต่อไป ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไปอีก 30 ปี

ส่วนการสะสางข้อพิพาทด้านปิโตรเลียมระหว่างกระทรวงพลังงานกับกลุ่มเชฟรอนนั้น ที่ผ่านมาได้ระงับกระบวนการอนุญาโตตุลาการกรณีการรื้อถอนสิ่งติดตั้งในทะเล ซึ่งได้มีข้อตกลงยอมระงับกระบวนการอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว พร้อมตั้งคณะทำงานเจรจาหาข้อยุติข้อพิพาทอย่างฉันมิตรและวางโรดแมพเพื่อนำไปสู่ข้อยุติร่วมกัน ซึ่งล่าสุดก็มีแนวโน้มแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่ยังอยู่ระหว่างการรออนุมัติแผน PDP2018 Rev.1 จากครม.นั้น คาดว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะสามารถออกประกาศเชิญชวนเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจำนวน 700 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็นประเภท Quick win 100 เมกะวัตต์ และประเภททั่วไป 600 เมกะวัตต์

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชุนนำร่องของรัฐวิสาหกิจทั้งในส่วนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ในพื้นที่แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในจ.ยะลา ก็ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้

  “โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนับเป็นโครงการที่ดีเพื่อเศรษฐกิจฐานราก และช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชน ตลอดจนสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โครงการนี้ IRR ไม่ถึง 10% ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนโรงไฟฟ้าอื่น ๆ ในอดีต ควรเป็นโครงการที่เดินต่อเพราะสร้างเงินลงทุน 4.8 หมื่นล้านบาทในระยะแรก ซึ่งหากจะมีการเดินหน้าต่อ ก็ขอฝากท่านปลัดช่วยดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการนำสัญญาไปซื้อขายต่อ” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า โครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่มีแผนจะปรับปรุงการดำเนินงานให้ได้รับความสนใจมากขึ้นนั้น ก็ยังอยู่ระหว่างการเตรียมแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปรับกฎเกณฑ์ แต่ยังไม่ได้ดำเนินงาน ทำให้การดำเนินโครงการในปัจจุบันยังคงเป็นไปตามแผนงานเดิม

สำหรับผลงานของตนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ การลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงาน เพื่อบรรเทาภาระจากผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 ,นโยบาย B10 และการนำระบบบล็อกเชนมาใช้เพื่อปรับสมดุลปาล์มทั้งระบบ ,ปรับราคาน้ำมันอ้างอิงหน้าโรงกลั่น ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลง 50 สตางค์/ลิตร ,สร้างไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Hub) คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในไตรมาส 3/63 ,การริเริ่มให้ไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้าของอาเซียน ,การปฏิรูปกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้มีความโปร่งใส เป็นต้น

นายสนธิรัตน์ ปฏิเสธที่จะขอแสดงความคิดเห็นต่อบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรมว.พลังงานคนใหม่ แต่ขอให้เป็นบุคคลที่เป็นนักบริหารเพื่อจะสามารถทำงานได้ เพราะมีข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถช่วยแนะนำข้อมูลให้ สำหรับบทบาทของตนเองนั้นหลังจากนี้ก็จะขอพักผ่อน และอาจจะกลับมาทำบทบาทหน้าที่เดิมเพื่อสังคม ส่วนจะกลับเข้ามาดำเนินการทางการเมืองหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นโอกาสเพราะไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองหลังจากลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว ส่วนความสัมพันธ์กับนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้มีสัญญาใจใด ๆ ผูกพัน แต่ที่ผ่านมาก็ได้ทำงานร่วมกันมานานพอสมควร

 

Back to top button