CBG วิ่ง 4% ทำออลไทม์ไฮ โบรกฯ ฟันธงกำไรโตทะลัก อัพเป้าใหม่ 144 บ.

CBG วิ่ง 4% ทำออลไทม์ไฮ โบรกฯ ฟันธงกำไรโตทะลัก อัพเป้าใหม่ 144 บ. ล่าสุดอยู่ที่ 117.50 บาท บวก 4.50 บาท หรือ 3.98% มูลค่าซื้อขาย 475.12 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ล่าสุด ณ เวลา 14.57 น. อยู่ที่ 117.50 บาท บวก 4.50 บาท หรือ 3.98% สูงสุดที่ 117.50 บาท ต่ำสุดที่ 113 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 475.12 ล้านบาท โดยราคาหุ้น CBG ปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2557

โดย บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น CBG โดยเชื่อว่าธุรกิจ CBG จะยังเติบโต หนุนจากรายได้จากต่างประเทศ ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2564 ได้ราคาเหมาะสมที่ 144 บาท จากเดิม 105 บาท

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 2% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยคาดว่ามีรายได้รวมอยู่ที่ 4,142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน คาดว่ารายได้จากเครื่องดื่มชูกำลังลดลงจากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว แต่ถูกชดเชยด้วยรายได้จากต่างประเทศที่คาดว่าจะสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV

ขณะที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 42.4% ทรงตัวจากไตรมาส 1/63 โดยเชื่อว่าบริษัทยังสามารถรักษาอัตราการทำกำไรในระดับสูงได้ จากผลิตภัณฑ์ C+Lock ที่มีอัตรากำไรสูง และคาดอัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายอยู่ที่ 17.8%

นอกจากนี้ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 และ 2564 ขึ้น 19% และ 22% ตามลำดับจากประมาณการเดิม เป็น 3,322 ล้านบาท และ 3,791 ล้านบาท และปรับประมาณการรายได้รวมปี 2563 และ 2564 เป็น 16,618 ล้านบาท และ 18,661 ล้านบาท จากประมาณการเดิม หรือเพิ่มขึ้น 4% และ 7% ตามลำดับ

โดยคาดแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 2563 ยังเติบโตต่อเนื่อง จากการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเดือน มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา บริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ C+Lock รสส้ม ซึ่งเป็นรสชาติใหม่ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า ทั้งนี้บริษัทคาดเป้ายอดขาย C+Lock ปี 2563 มากกว่า 100 ล้านขวด โดยมีแผนที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศในช่วงไตรมาส 3/63 เชื่อว่าสินค้าจะยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่ม Functional Drink ยังคงเติบโต

Back to top button