FTA ดันยอดส่งออก สินค้าเกษตรไทย ม.ค.-พ.ค.63 โต 2.25% ขยับขึ้นเบอร์ 9 โลก
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผย FTA ดันยอดส่งออก สินค้าเกษตรไทย ม.ค.-พ.ค.63 โต 2.25% ขยับขึ้นเบอร์ 9 โลก
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้มอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์จับมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขยายการส่งออกสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลก ทำงานเชิงรุก เพื่อมุ่งมั่นขยับอันดับการแข่งขันของไทยในตลาดโลกนั้น ผลการติดตามสถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-พ.ค.) พบว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยไปประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ด้วย 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อินเดีย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, เปรู, ชิลี และฮ่องกง ขยายตัว 2.25%
โดยตลาดฮ่องกง ขยายตัวสูงสุด 20% รองลงมา คือ ตลาดจีน ขยายตัว 16% การค้ารวมของประเทศคู่ FTA มีมูลค่าถึง 11,263 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปตลาดโลก โดยมีคู่ค้าสำคัญ 3 อันดับแรก คือ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น ทำให้ไทยขยับลำดับขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร ลำดับที่ 9 ของโลก จากเดิมอยู่ในลำดับที่ 11 ในปี 2562
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยที่การส่งออกขยายตัวมากที่สุด ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 ได้แก่ เนื้อสุกรสด ขยายตัว 693% รองลงมา คือ ทุเรียนสด ขยายตัว 66.5% สินค้าปลาสด ขยายตัว 29% ไก่สด ขยายตัว27.85% มังคุด และอาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวเท่ากันที่ 16% ผลิตภัณฑ์ข้าว ขยายตัว 10% และมะม่วงสด ขยายตัว 4% สอดคล้องกับสถิติการขอใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA โดยพบว่าสินค้ากลุ่มเกษตรและเกษตรแปรรูป ที่มีการขอใช้สิทธิประโยชน์มากเป็นอันดับต้น เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด เนื้อไก่สดและแปรรูป กุ้งปรุงแต่ง ปลาทูน่าและปลาทูน่าปรุงแต่ง และปลาสคิปแจ๊ค เป็นต้น
“เอฟทีเอ นับเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยให้สินค้าเกษตรไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศคู่เอฟทีเอ ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ของไทยแล้ว ทั้งนี้ เกษตรกรและผู้ประกอบการต้องรักษาคุณภาพสินค้า และศึกษาความต้องการของตลาด เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน” นางอรมน ระบุ