GULF ระดมเพิ่ม 3.2 หมื่นล้าน รุกลงทุนไฟฟ้า-ท่าเรือ-มอเตอร์เวย์! จ่อขึ้น “XR” 6 ส.ค.นี้

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันนี้ (23 ก.ค.2563) โดย ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จาก 10,666,500,000 บาท เป็น 11,733,150,000 บาท

โดยการออกหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 1,066,650,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 1,066,650,000 บาท เพื่อออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้น  (Rights Offering) ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 30 บาท ซึ่งเป็นราคาที่คำนวณมาจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทในช่วง 15 วันที่มีการซื้อขายติดต่อกันก่อนหน้าวันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท หักด้วยส่วนลดจำนวนประมาณ 21.37%

ทั้งนี้ จะมีการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 10 หุ้น ต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ และผู้ถือหุ้นสามารถจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่เกินกว่าสิทธิได้ โดยให้จัดสรรหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่ไม่ได้รับการจองซื้อในการจัดสรรครั้งแรกที่เหลือให้แก่ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิ และชำระราคาค่าจองซื้อหุ้นครบถ้วนแล้วทุกราย

โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ในการเสนอขายหุ้น Rights Offering (Record Date) คือวันที่ 7 ส.ค.63 และกำหนดให้วันจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่คือวันที่ 14-18 ก.ย.2563 อย่างไรก็ดี การกำหนดสิทธิดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น โดยจะมีการจัดประชุมในวันที่ 27 ส.ค.2563

ทั้งนี้บริษัทมีวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการที่อยู่ในแผนงาน เช่น โครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนาม พลังงานลมในประเทศเยอรมนี โครงการโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค เช่น โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โครงการก๊าซธรรมชาติในประเทศโอมาน โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง โครงการโรงไฟฟ้าบูรพาพาวเวอร์ และเพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทมองโอกาสในการขยายธุรกิจไปในเอเชีย ยุโรไป อเมริกา และอื่นๆ นอกจากนี้เงินทุนบางส่วนจะถูกนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมที่มีอยู่ เพื่อเป็นการลดภาระดอกเบี้ย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัท

ด้านผลกระทบต่อราคาตลาดของหุ้น (Price Dilution) ภายหลังจากจัดสรรหุ้นสามัญที่ออกใหม่แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ผลกระทบต่อราคาในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายใช้สิทธิตามที่มีอยู่ครบทั้งจำนวน จะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทซึ่งจะลดลงในอัตราไม่เกิน 1.94% โดยควนวณราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ 15 วันทำการติดต่อกัน (ระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-22 ก.ค.คิดเป็นราคาเท่ากับ 38.15 บาทต่อหุ้น)

ขณะที่ผลกระทบต่อส่วนแบ่งกำไร (Earning per share dilution) ไม่เกิน 9.09% โดย EPS ก่อนเสนอขายอยู่ที่ระดับ 0.2982 บาทต่อหุ้น ภายหลังการเสนอขายที่ระดับไม่ต่ำกว่า 0.2711 บาทต่อหุ้น

ตารางแสดงระยะเวลาการดำเนินการหลังจากที่คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่1/2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้น