“สารัชถ์” ลั่นกลองรุก! กร้าวควักส่วนตัว 2.3 หมื่นล้าน อัดทุน GULF สร้างมูลค่าเพิ่ม
GULF ประกาศระดม 3.2 หมื่นลบ.-โผล่ซื้อซองประมูลสีส้ม หลัง ADB แจ้งขายหุ้นกว่า 6 พันล้าน! ฟาก “เสี่ยกลาง” ย้ำจุดยืนข้อมูลรายใหญ่-ย่อยเท่าเทียม ประกาศชัด! “หมวกผู้ถือหุ้นใหญ่” พร้อมใส่เงินเกินสิทธิ RO กว่า 2.3 หมื่นลบ. เติมกระสุนขยายเมกะวัตต์ พ่วงลงทุนก๊าซ-ท่าเรือ-มอเตอร์เวย์-รถไฟฟ้า
“ระดมทุนครั้งนี้ ไม่ใช่เพิ่มทุนหนีตาย แต่เพิ่มทุนเพื่อเร่งขยายกิจการให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ในช่วงที่สินทรัพย์ทั่วโลกมีราคาถูกลงจากผลกระทบโควิด-19”
นาย สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธาน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยถึงกรณีที่ ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ Asian Development Bank (ADB) ประกาศเสนอขายหุ้น GULF จำนวน 176 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 1.65% จากเดิมที่ถืออยู่ในสัดส่วน 3% และภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันเดียวกันนั้น มีมติให้บริษัทดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียน พร้อมทั้งออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม รวมถึงมีการขอเข้ารับเอกสารเกี่ยวกับการประมูลเพื่อร่วมลงทุนโครงการถไฟฟ้าสายสีส้มในช่วงต่อมา
ตน ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของบริษัท มองว่า การขายหุ้นของผู้ถือหุ้นถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นสิทธิโดยชอบของผู้ถือหุ้นรายนั้นๆอยู่แล้ว โดยบริษัทและผู้ขาย ซึ่งกรณีนี้คือ ADB ก็ไม่เคยพูดคุยกันว่า ควรจะถือหุ้นต่อไปหรือไม่อย่างไร ขณะเดียวกัน ตนเชื่อว่า ปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นการพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า บริษัทยึดมั่นต่อเรื่องการเปิดเผยข้อมูลอย่างเท่าเทียมต่อทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งต้องเป็นไปตามกฎหมายกำหนดในเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลอันมีสาระสำคัญ
การประกาศระดมทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ราว 3.2 หมื่นล้านบาท บริษัทมีแผนที่จะนำไปขยายการลงทุนในโครงการต่างๆที่ได้รับอนุมัติการลงทุน และ/หรือ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างแล้ว ซึ่งมีทั้งโครงการโรงไฟฟ้า ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 (แบบมีติดตั้ง LNG Terminal) และทางหลวงพิเศษ หรือ มอเตอร์เวย์ จำนวน 2 เส้นทาง รวมถึงขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมแผนการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มด้วย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายโมเดลธุรกิจ
“แค่ในประเทศไทย ระหว่างปีหน้าถึงปี 66 เราจะมีซีโอดีอีก 5 พันเมกฯอยู่แล้ว ที่เวียดนามก็มีวินด์ฟาร์มที่จะจ่ายไฟได้เต็มที่ในปีหน้าเหมือนกัน และโครงการอื่นๆอีก ทั้งลมที่เยอรมัน โรงก๊าซโอมาน ซึ่งหลังจากนี้ยังจะมีอีกหลายโครงการทั้งในยุโรป และอาจจะมีสหรัฐอเมริกาด้วย ฉะนั้นการเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปลงทุนตรงได้เลย หรือจะเพิ่มความสามารถในการก่อหนี้อีกก็ได้” นายสารัชถ์กล่าว
ทั้งนี้ นายสารัชถ์ เปิดเผยในฐานะที่ตนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัท ด้วยสัดส่วนจากทั้งทางตรงและทางอ้อมราว 73% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดด้วยว่า ตนมีความพร้อมที่จะใช้สิทธิในการเพิ่มทุนทั้งจำนวน และจะใช้สิทธิเกินจำนวนที่ได้รับในกรณีที่มีผู้ถือหุ้นอื่นใช้สิทธิไม่ครบ (Oversubscribe) ซึ่งกรณีนี้ตนจะใช้เงินทุนส่วนตัวกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท เข้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลง
“อย่างที่เรียนไว้ว่า GULF เพิ่มทุนครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะหนีตาย หรือไม่มีเงิน แต่เพราะมีโอกาสลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้นได้ เอาแค่ว่า EPS จะไดลูท 10% ตามจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้ากำไรในภาพรวมโตได้ 20-30% ต่อปี นั่นก็หมายถึงความคุ้มค่าของการเพิ่มทุน ฉะนั้นผมจะใช้สิทธิเต็มจำนวน และไม่ยอมที่จะถูกไดลูทสัดส่วนตัวเองแน่นอนครับ” นายสารัชถ์กล่าวทิ้งท้าย