TVD ไฟเขียวควบ 7 บ.ในเครือ พร้อมตั้ง “ทีวีดี เอ็กซ์” รุกธุรกิจ B2B เต็มสูบ

บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) อนุมัติควบกิจการบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในกลุ่มธุรกิจ B2B (Business to Business) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วนบริษัท รวม 7 บริษัท ซึ่งบริษัทถือหุ้นในแต่ละบริษัทมีสัดส่วนแตกต่างกันตั้งแต่ 30.71-99.99% ได้แก่ บริษัท ทีวีดี เซอร์วิสเซส จำกัด, บริษัท ทีวีดี โบรกเกอร์ จำกัด ,บริษัท ลาส ไมล์ ไดเร็ค จำกัด, บริษัท เมจิก พีวอท จำกัด, บริษัท เมิกซ์ 915 จำกัด, บริษัท โกลบอลวัน คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท ทรี-อาร์ดี จำกัด

พร้อมตั้งบริษัท ทีวีดี เอ็กซ์ จำกัด (TVDX) ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งใหม่เพื่อรองรับการควบกิจการดังกล่าว มีทุนจดทะเบียน 290 ล้านบาท โดยบริษัทจะถือหุ้น 76.41% ขณะที่มีผู้ถือหุ้นอื่นร่วมด้วย ได้แก่ บริษัท สุวรรณหงส์ 55 จำกัด ถือหุ้น 6.90% ,บริษัท ซอฟ์ทเดบู จำกัด ถือหุ้น 3.10% ,นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ถือหุ้น 2.42% ,บริษัท ดิ แอ็นเซอร์ จำกัด ถือหุ้น 1.69% และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ถือหุ้น 9.48%

เมื่อการควบกิจการแล้วเสร็จ TVDX จะดำเนินธุรกิจ B2B เต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบด้วย 8 ธุรกิจหลัก คือ

(1) การให้บริการด้าน Call Center ได้แก่ Insourcing, Outsourcing, Chat Center, Contact Center และการบริการพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน (Facilities Rental)

(2) การบริการด้านการจัดส่งสินค้าครบวรจร ได้แก่ การจัดเก็บสินค้า การขนส่ง B2C Delivery และ Food Delivery

(3) การบริการด้านไอทีและเทคโนโลยี ได้แก่ MIS System, D2C backbone, IT Support และ Data Center

(4) การบริการด้าน Database Driven ได้แก่ AI Data Analytics, Data Mining, Data Warehouse และ PDPA Compliance

(5) การบริการให้คำปรึกษาในการบริหารจัดการ ได้แก่ การให้บริการบริหารจัดการธุรกิจ การปรับเปลี่ยนองค์กร และการสร้างแบรนด์ต่าง ๆ

(6) การบริการด้าน DR Agency ได้แก่ การทำ Brand Awarences เพื่อสร้างยอดขาย

(7) การบริการด้าน Digital Agency ได้แก่ การทำ Brand Awarences เพื่อสร้างยอดขายในรูปแบบ Digital

(8) การบริการด้านประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ได้แก่ การทำ Inbound และ Outbound Call Center, Quality Control, Revenue Sharing ในธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัย

ทั้งนี้ คาดว่าการประชุมผู้ถือหุ้นของทุกบริษัทเพื่อพิจารณาจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ควบเข้ากันนั้นจะเกิดขึ้นประมาณเดือนมกราคม 2564