“เฉลิมชัย” เล็งชง ประกันรายได้ชาวสวนยาง เฟส 2 เข้า ครม. อีกรอบ หลังถูกตีกลับ
“เฉลิมชัย” เล็งชง ประกันรายได้ชาวสวนยาง เฟส 2 เข้า ครม. อีกรอบ หลังถูกตีกลับสั่งทำแผนระบายสต็อก 1.2 แสนตัน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในระหว่างการมอบนโยบายการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ว่า เตรียมเสนอโครงการประกันรายได้ระยะที่ 2 เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็ววันนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเสนอเข้าที่ประชุม ครม. แต่ถูกตีกลับ โดยมอบหมายให้กยท. ระบายยางในสต๊อก ที่มีประมาณ 1.2 แสนตัน ที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางและโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง
โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของโลก รวมถึงประเทศไทยจะไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาเท่าที่ควร รวมไปถึงผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ใช้ยางรายใหญ่ได้แก่ จีน สหรัฐ ยุโรป แม้สถานการณ์การระบาดในไทยและหลายประเทศจะเริ่มคลี่คลายและมีสัญญาณที่ดีต่อการทดลองใช้วัคซีนในมนุษย์ แต่คาดว่าหลายประเทศคงต้องใช้เวลาในการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งรัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าหามาตรการช่วยเหลือประชาชน รวมไปถึงกลุ่มของเกษตรกรชาวสวนยาง
ดังนั้น กยท. ควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นในอาชีพการทำสวนยาง ผลักดันราคายางให้อยู่ในระดับที่คุ้มค่ากับการลงทุน กำหนดทิศทางการพัฒนายางทั้งระบบให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เกิดการวางแผนการผลิต การแปรรูป การค้า และการลงทุน ร่วมเป็นเป็นพันธมิตรกับ กยท. บูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานภายใต้กระทรวงฯ นำนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่ม มุ่งเน้นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เจาะตลาดผลิตภัณฑ์ยางเฉพาะกลุ่มหรือ Niche Market หลีกเลี่ยงตลาด Mass Product ให้เป็นไปตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้านระบบตลาดนำการผลิต เพิ่มช่องทางการขาย ลดต้นทุนการผลิต
รวมถึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวช่วยยกระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมนำการผลิตเพื่อสร้างห่วงโซ่แห่งคุณค่าและมูลค่าเพิ่มมากขึ้น บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
“ยางพารามีข้อได้เปรียบ คือ ไม่มีวันหมด สามารถเพิ่มปริมาณได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ในขณะที่อนาคตภาวการณ์ใช้น้ำมันมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีมาทดแทน แต่ยางพาราจะคงอยู่รอบตัวเราในชีวิตประจำวัน เพราะมีโอกาสนำยางพาราไปพัฒนาเป็นวัสดุอุปกรณ์ ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ”
นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรม กยท. กล่าวว่า หลังจากวิกฤตการณ์ผลกระทบการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ซึ่งทำให้เกิดบรรทัดฐานทางสังคมใหม่หรือ New Normal กยท.จำเป็นต้องเรียนรู้ เข้าใจและปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยผนวกเอานโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติยุทธศาสตร์ยาง 20 ปี และนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาผสานกับยุทธศาสตร์ของ กยท.อย่างกลมกลืน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม
ด้านนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ กยท.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ขององค์กร โดยมีทิศทางการพัฒนายางพาราผ่าน 5 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มผลิตภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่มูลค่า สร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยาง ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานด้านยางพาราตลอดห่วงโซ่อุปทาน และ การพัฒนาปัจจัยสนับสนุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน