STEC มองปีนี้รายได้ต่ำกว่าปีก่อน คงเป้าได้งานใหม่ในปีนี้จำนวน 3 หมื่นลบ.
STEC คาดปีนี้รายได้อยู่ที่ 1.8-1.9 หมื่นลบ. ต่ำกว่า 2.19 หมื่นลบ. เมื่อปีก่อน หลังไม่มีงานภาครัฐฯ ออกมาตามที่คาดไว้ มองกำไรปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน ยังคงเป้าได้งานใหม่ในปีนี้จำนวน 3 หมื่นลบ. เผยอยู่ระหว่างเจรจางานของเอกชน 2 แห่ง เป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าและอาคารสูง รวมมูลค่า 7-8 พันลบ. คาดสรุปได้ใน Q4/58
นายวรพันธ์ ช้อนทอง กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงครึ่งแรกที่ทำได้ 9.3 พันล้านบาท จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 60 ขณะที่คาดว่าทั้งปีนี้จะมีรายได้ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่า 2.19 หมื่นล้านบาทในปีก่อน หรือลดลงประมาณ 10-14% เนื่องจากไม่มีงานภาครัฐออกมาใหม่ตามที่คาดการณ์เมื่อต้นปี
ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไร 1.52 พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่าอัตรากำไรขั้น (Gross Profit Margin) ปีนี้จะทำได้ 9% ต่ำกว่า 11.5% ในปีก่อน โดยงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำเกินไป ได้แก่ งานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้าจากการเวนคืนที่ดินไม่ได้ตามกำหนดเวลา ทำให้งานก่อสร้างคืบหน้าน้อยมาก ขณะนี้งานก่อสร้างคืบหน้าไปเพียง 10% ส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายคงที่สูงขึ้น จากวันลงนามสัญญาวันที่ 30 เม.ย.56 มูลค่างาน 12,280 ล้านบาท มีระยะเวลาก่อสร้าง 900 วัน
ส่วนงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น บริษัทขาดทุนและได้ตั้งสำรองไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว จำนวน 350 ล้านบาท หรือ 7% ของมูลค่างาน 5 พันล้านบาท โดยงานก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว
ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าการได้งานใหม่ในปีนี้จำนวน 3 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกได้งานใหม่แล้ว 5 พันล้านบาท ยังเหลืออีก 2.5 หมื่นล้านบาทที่คาดว่าจะได้มาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจางานของเอกชน 2 แห่ง เป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าและอาคารสูง รวมมูลค่า 7-8 พันล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะสรุปได้ในไตรมาส 4/58
นอกจากนี้ ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดประมูลงานก่อสร้างรถไฟทางคู่อย่างน้อย 1 เส้นทาง คือโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย มูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะมีการเปิดประมูลงานก่อสร้างโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 มูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ถ้าบริษัทได้งานจะทำให้ได้งานใหม่เข้ามาใกล้เคียงกับเป้าหมาย
ส่วนงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง เลื่อนเปิดประมูลไปในปีหน้า ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออก ช่วงมีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม ระยะทาง 21 กิโลเมตร(กม.) รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 35 กม. และ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30 กม
ขณะที่งานก่อสร้างโครงการรถไฟไทย-จีน หรือ โครงการรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กม. คาดว่าจะเลื่อนงานก่อสร้างออกไป เพราะขั้นตอนยังมีอีกมาก อาทิ ต้องมีการสำรวจทาง การได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) และ โครงการยังต้องผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ คาดว่าหากบริษัทไม่ได้งานใหม่ตามเป้าหมายในปีนี้ ก็จะส่งผลให้รายได้ในปี 59 จะไม่เติบโต หรือมีรายได้ 1.8 หมื่นล้านบาทที่รับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ แต่หากได้งานใหม่ปีนี้ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายก็จะดันรายได้ปีหน้าขึ้นไปชนระดับ 2 หมื่นล้านบาทได้
ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น ขณะนี้บริษัทชะลอออกไปก่อน เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดิน ย่านบางนา พื้นที่ 28 ไร่ , ที่ดินบริเวณถนนพระราม 3 พื้นที่ 8 ไร่ติดริมแม่น้ำ และ ล่าสุดได้ซื้อที่ดินแถวหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ 14 ไร่ ติดชายทะเล