“นายกฯ” คาด “โควิด” ฉุดศก.ทรุดยาว 2 ปี-จีดีพีหดถึง 10% ห่วงปัญหาขัดแย้ง ซ้ำเติมปท.

“นายกฯ” คาด “โควิด” ฉุดศก.ทรุดยาว 2 ปี-จีดีพีหดถึง 10% ห่วงปัญหาขัดแย้ง ซ้ำเติมประเทศ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยซบเซานานถึง 2 ปี โดยตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ในปีนี้อาจหดตัว -7 ถึง -10% ดังนั้น จึงทำให้ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และช่วยกันทำให้ประเทศเกิดความสงบ มีเสถียรภาพ เพื่อทำให้เกิดการค้าขายได้ เพราะหากเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกก็ไม่สามารถค้าขายได้ สถานการณ์อาจกลับไปเหมือนก่อนปี 57

ขณะที่สถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศเริ่มดีขึ้น เพราะมีคนไทยกลับมาท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 2-3 ล้านคน แม้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะหายไปถึง 8 ล้านคน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ “พลิกฟื้นประเทศไทย: ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” โดยยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยอาจซบเซายาวถึง 2 ปีจากผลกระทบโควิด -19 โดยทางรอดคือทุกคนต้องร่วมมือ ลดขัดแย้ง นำพาประเทศผ่านวิกฤติ พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณจากเงินกู้ 4 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 อย่างรอบคอบ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อมีความสำคัญในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ออกไปยังสังคมและต่างประเทศ โดยเฉพาะสมัยนี้มีสื่อออนไลน์เพิ่มเข้ามา นอกเหนือจากสื่อทีวีและหนังสือพิมพ์ ซึ่งสื่อที่มีคุณภาพจะมีผลต่อการตัดสินใจในการดำเนินชีวิตของประชาชน รวมถึงเป็นข้อมูลให้กับภาคธุรกิจ

  “วันนี้สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ลดความขัดแย้ง สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ โดยจะเป็นแนวทางให้เศรษฐกิจได้มั่นคง ด้วยการดูแลภาคธุรกิจ การบริโภค การส่งออก ไปพร้อมๆกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่ในเดือน ส.ค.57 ตัวเลขอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ จากเศรษฐกิจในปี 57 ขยายตัวเพียง 1.0% เริ่มฟื้นขึ้นมาเป็น 3.1% ในปี 58 และ 3.4% ในปี 59 ต่อจากนั้นก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งปี 63 ต้องยอมรับว่าไทยและประเทศอื่นๆทั่วโลกต้องพบกับวิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน แต่สำคัญที่สุดนั่นคือสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงอยู่ทั่วโลก แต่ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยอาจจะติดลบไม่เกิน 10% ขณะที่ต่างประเทศติดลบไปถึง 10-20% แล้ว แต่ในอนาคตอัตราการติดลบของไทยอาจจะเพิ่มสูงขึ้นก็ได้

พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับอีกว่า ภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของไทยอาจจะยาวนานไปถึง 2 ปี กว่าที่ทุกอย่างจะฟื้นฟูกลับมาเข้มแข็งได้เหมือนภาวะปกติ แม้ไทยจะเป็นที่ยอมรับในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังจำเป็นต้องคงมาตรการเข้มงวดด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมมือ ร่วมใจ ความเข้าใจซึ่งกันและกัน และลดความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวจากผลกระทบนี้และมีเศรษฐกิจที่มั่นคงต่อไป

พร้อมย้ำว่า แม้ไทยจะเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งต้มยำกุ้ง หรือวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ แต่ก็ยังมีเสถียรภาพทางการเงินการคลังที่เข้มแข็ง ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุลสูง กองทุนเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในสถานะที่ดี อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่มีราคาไม่สูงมากนัก ต่อไปก็จะต้องเพิ่มศักยภาพในการส่งออกสินค้าด้วยการพัฒนาสินค้านวัตกรรม และหาแหล่งตลาดใหม่

ขณะที่ด้านการเกษตรที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญ ก็ได้สั่งการสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยี เครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มแหล่งน้ำทำการเกษตร นอกจากนี้ ต้องปรับปรุงการแปรรูปสินค้า นำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาส่งเสริม โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้านการศึกษา เด็กไทยต้องเรียนรู้ใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมามีหลักสูตรการสอนในตำราเพียงอย่างเดียว ดังนั้นต้องส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ และเปิดโลกทัศน์เด็กเพิ่มขึ้น

สำหรับการตรา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า รัฐบาลจะใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังสำหรับการดำเนินงานภายใต้แผนงานหรือโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 400,000 ล้านบาทที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนและพัฒนากิจกรรมที่จะเป็นแรงส่งในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

รวมถึงรองรับการดำเนินชีวิตเข้าสู่วิถีปกติใหม่ (New Normal) ได้อย่างราบรื่น ผ่านการจ้างงานและการสร้างรายได้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และมุ่งเน้นโครงการที่จะสามารถสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนได้อย่างยั่งยืนเป็นลำดับแรก

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยยอมรับว่าก่อนหน้าที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ยุ่งเกี่ยวทางการเมือง แต่เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ก็จะทำให้ทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

Back to top button