KUN มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15% หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 400 ลบ.-ผลงานไตรมาส 2 สดใส
KUN มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15% หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 400 ลบ.-ผลงานไตรมาส 2 สดใส
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/63 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 164.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 148.9 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 15.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.6 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 304 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 27.4 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.9 ล้านบาท
โดยสาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากไตรมาส 2/63 มีกลุ่มลูกค้า Walk in เข้ามาชมโครงการวิลล่า คุณาลัย เพิ่มขึ้นถึง 62% โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เห็นได้จากมียอดการจองบ้าน ช่วงเดือนพ.ค.- มิ.ย.63 สูงถึง 400 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นยอดขายรายเดือนที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ตั้งแต่เปิดบริษัทฯ มา
ประกอบกับบริษัทฯได้วางแผนกลยุทธ์แบบ Worst case scenario มาเป็นหลักคิด เพื่อวางรูปแบบการทำงานของบริษัทฯ เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการเน้นการออกแบบเรื่อง space ที่สามารถจัดสรรแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับความต้องการที่อยู่อาศัยแบบ “everything at home” ทุกสิ่งเกิดขึ้นที่บ้าน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ทุกโครงการของวิลล่า คุณาลัย สามารถตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคได้ครบทุกมิติ
โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯมีการรับรู้รายได้จากการขาย 5 โครงการหลัก ประกอบด้วย 1.โครงการคุณาลัย จอย, 2.โครงการคุณาลัย ซิมโฟนี, 3.โครงการคุณาลัย บีกินส์, 4.โครงการคุณาลัย พอลเลน และ 5.โครงการ คุณาลัย จอย ออน 314 โดยมีการทยอยโอนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ช่วงไตรมาส 2/63 บริษัทฯมีการเปิดขายโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,330 ล้านบาท เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดิมซึ่งได้การตอบรับที่ดีมาก ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทฯมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือกว่า 400 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าวบริษัทฯเชื่อว่า รายได้รวมในปี 2563 จะเติบโตได้มากกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 652.67 ล้านบาท อย่างแน่นอน
ส่วนยอดขาย (Presale) ช่วงครึ่งแรกของปี 2563 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯทำยอดขายได้แล้วที่ระดับ 760 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ 1,300 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยไตรมาส 2/63 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,330 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการคุณาลัย บีกินส์ 2 มูลค่าโครงการ 830 ล้านบาท และ 2.โครงการคุณาลัย พรีม มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นสินค้าขายดีของบริษัทฯ ซึ่งเป็นการเปิดเพื่อเติมสินค้าโครงการเดิม ที่กำลังจะปิดการขาย โดยจะรองรับการเติบโตได้อีก 3 ปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (ม.ค.-มิ.ย.63) ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 18,720,000บาท ทั้งนี้ กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2563 และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 สิงหาคม 2563 เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2563
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงการแนวราบ ยังคงมีความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติจะเห็นได้ว่าลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) โดยเฉพาะกลุ่มที่กำลังมองว่าอสังหาฯ แนวราบ ที่มีระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีความต้องการสูง พร้อมทั้งกล่าวยอมรับว่า การแข่งขันสูงในช่วงที่ผ่านมาทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแข่งขันด้านกลยุทธ์ทางการตลาด อัดแคมเปญโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม แต่ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ต้นปีที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นสินค้า ตอบโจทย์ที่เหมาะสมกับความต้องการ จนกระทั่งสถานการณ์โควิด-19 ที่ยิ่งเข้ามากระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น โครงการ KUN ที่สอดรับกับกระแสความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วงดังกล่าว เป็นส่วนผลักดันให้เกิดยอดจองสูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าของบริษัทฯ กลายเป็นสินค้าในกระแส เนื่องจากทุกโครงการบ้านแนวราบของ KUN สามารถตอบโจทย์ความคุ้มค่าน่าซื้อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ สร้างพื้นที่ สร้างความสุข เพราะทุกพื้นที่ในบ้านตอบทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว รวมถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป และทำให้เกิดวิถีการทำงานแนวใหม่ที่เรียกว่าที่อยู่อาศัยแบบ “everything at home” ทุกสิ่งเกิดขึ้นที่บ้าน
“วิลล่า คุณาลัย ได้รับอานิสงค์จาก Demand ตรงนี้ทันที เพราะบริษัทฯ ทำแต่แนวราบ และเน้นปริมณฑลที่มีรถไฟฟ้า เดินทางเข้าเมืองสะดวก ประกอบกับเราเน้นเรื่อง space ที่สามารถจัดสรรแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป สินค้าเราจึงตอบโจทย์ สามารถแก้ pain point ได้ทันที เพราะเล็งเห็นว่าบ้านแนวราบมีความต้องการมากขึ้น ทำให้ที่ผ่านมาเราเน้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์โครงการที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ผ่านทุกช่องทาง ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาเกิดยอดจองบ้านสูงมากเป็นประวัติการณ์”