SIRI ยอดโอนครึ่งปีแรกทุบสถิติ 2.82 หมื่นลบ. ลุยเปิดอีก 10 โครงการไตรมาส 4
SIRI ยอดโอนครึ่งปีแรกทุบสถิติ 2.82 หมื่นลบ. ลุยเปิดอีก 10 โครงการ มูลค่า 1.17 หมื่นลบ. ในไตรมาส 4
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกบริษัทมีผลงานการโอนที่โดดเด่น ล่าสุดบริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 28,200 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนเฉพาะไตรมาส 2/63 สูงถึง 25,200 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งในรอบครึ่งปีและรายไตรมาสตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เป็นผลมาจากการส่งมอบโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมที่มากขึ้นในสัดส่วน 40 : 60
บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 54,100 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 40,000 ล้านบาทและยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 14,000 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 66 ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจเป็นอย่างดีและเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งรองรับการสร้างผลงานการโอนให้เป็นไปตามเป้าหมายในปีนี้ 42,000 ล้านบาท
สำหรับยอดขาย (Presale) ในช่วง 7 เดือนของปี 63 มียอดขายรวมแล้วกว่า 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 70% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบถึง 16,200 ล้านบาท เติบโต 110% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 85% ของเป้าหมายยอดขายแนวราบทั้งปีที่ตั้งไว้ 19,000 ล้านบาท เป็นผลจากการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Sansiri Housing Evolution ที่สามารถตอบรับความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกบ้านได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งผลให้สามารถปิดการขายโครงการแนวราบไปได้ถึง 13 โครงการ รวมทั้งยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมอีกจำนวน 8,800 ล้านบาท
“กุญแจสำคัญ ซึ่งจะผลักดันสู่ผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลังคือการบริหารเงินสดในมือที่ดี (Cash is King) ที่จะส่งผลให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง มีกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทมีสภาพคล่องในมือรวม 12,000 ล้านบาท ที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจและมีความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์ นอกจากนี้การดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดที่เป็นหัวใจสำคัญของแสนสิริ (แสนสิริ เซอร์วิส) จะสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า อันจะส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง”นายวันจักร์ กล่าว
ปัจจัยสำคัญที่จะผลักดัน SIRI ให้บรรลุเป้าหมายการโอนสู่การสร้างรายได้ที่ดีต่อเนื่องในปีนี้ มาจากแผนการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่อีก 5 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 16,200 ล้านบาท ได้แก่ เดอะ เบส สะพานใหม่ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์วันที่ 21-23 ส.ค. ,โอกะ เฮาส์ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์วันที่ 18-20 ก.ย., XT เอกมัย เริ่มโอนกรรมสิทธิ์วันที่ 2-4 ต.ค., ลา ฮาบานา หัวหิน เริ่มโอนกรรมสิทธิ์วันที่ 16-18 ต.ค. และดีคอนโด ธาร จรัญฯ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์วันที่ 30 ต.ค.-1 พ.ย.63
ทั้งนี้ จากยอดขายโครงการแนวราบที่ดีในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจึงมีแผนโฟกัสโครงการแนวราบต่อเนื่อง โดยการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4/63 อีก 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 11,700 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด Sansiri Housing Evaluation ซึ่งเป็นแกนหลักในการพัฒนาโครงการ แบ่งการพัฒนาเป็นการเปิดตัวบ้านเดี่ยว จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,500 ล้านบาท บ้านและทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์ อณาสิริ 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,200 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท
รวมทั้งบริษัทยังมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส ในชื่อและทำเล “เดอะ เบส อีส-บางแค” มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ในวันที่ 26-27 ก.ย.นี้อีกด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/63 บริษัทมีรายได้รวม 11,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,300 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 71% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 6,600 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 17,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่รายได้จากการขายในช่วงไตรมาส 2/63 เติบโตโดดเด่นที่สุด ทุบสถิติ New High Record ที่ 10,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 312% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,500 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 91% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้จากการขาย 5,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบ 6,300 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 61 : 39 ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้จากการขาย 15,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 112% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นแนวราบ 9,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 60 : 40
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกำไรสุทธิในไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 260 ล้านบาท