TTA คาดครึ่งปีหลังพลิกมีกำไร รับธุรกิจขนส่งทางเรือโต-ค่า BDI ฟื้น
TTA คาดครึ่งปีหลังพลิกมีกำไร รับธุรกิจขนส่งทางเรือโต-ค่า BDI ฟื้น
นายจิเทนเดอร์ พอล เวอร์มา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดครึ่งหลังปีนี้จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ จากครึ่งปีแรกมีผลขาดทุนสุทธิที่ 700.15 ล้านบาท แต่ภาพรวมทั้งปี 63 ยังมีผลขาดทุนอยู่ เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 562.59 ล้านบาท เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ค่อนข้างมาก
“ครึ่งปีหลังนี้เรามั่นใจว่าจะกลับมามีกำไรได้ จากธุรกิจที่จะดีกว่าครึ่งปีแรก แต่ถามว่าจะ Cover ขาดทุนในครึ่งปีแรกหรือไม่ อาจจะยังไม่ Cover แต่ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะดีมาก ทั้งนี้ก็ต้องดูสถานการณ์โควิด-19 ด้วยว่าจะต่อเนื่องไปอย่างไร” นายจิเทนเดอร์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังที่จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิจะมาจาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ และกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง (Offshore) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้รวมกันคิดเป็น 60% ของรายได้รวมเติบโตดี โดยธุรกิจขนส่งทางเรือ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เป็นไปตามค่าระวางเรือ BDI ที่คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ จากเดือนก.ค.-ส.ค.63 เฉลี่ยอยู่ที่ 9,000 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ , ความต้องการส่งออกสินแร่เหล็ก ของประเทศบราซิลและออสเตรเลีย ที่กลับมาดีขึ้น หลังครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาล และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การส่งออกสินแร่เหล็กในประเทศดังกล่าว ปรับตัวลดลง ส่งผลกระทบต่อการขนส่งเรือเทกอง อย่างไรก็ตามคาดว่าทั้งปีการขนส่งสินค้าฯ น่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน
ส่วนสินค้าอื่น เช่น ธัญพืช คาดว่าจะเติบโตได้ 3-4% ในปีนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าจีนจะนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ แต่ยังต้องติดตามดูความสัมพันธ์ทางการค้าทั้งสองประเทศว่าจะเป็นอย่างไร ขณะที่การค้าถ่านหิน ปีนี้คาดว่าจะลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากความต้องการใช้ของกลุ่มพลังงาน และสินแร่เหล็ก ลดน้อยลงจากการล็อกดาวน์ประเทศ
“เรามองว่าตลาดขนส่งทางเรือจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากการส่งออกสินแร่เหล็กของบราซิลและออสเตรเลีย ที่กลับมาดีขึ้น, เศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น และปัจจัยทางฤดูกาล ทำให้เราคาดว่าธุรกิจขนส่งทางเรือในครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และต่อเนื่องไปในปี 64 ที่คาดจะเติบโตได้ 5% และซัพพลายจะเพิ่มข้นได้ 1%” นายจิเทนเดอร์ กล่าว
นอกจากนี้ธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง (Offshore) คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือดีขึ้น จากการทำงานของเรือเต็มประสิทธิภาพทั้งหมด 3 ลำ หลังครึ่งปีแรกมีเรือเข้าอู่แห้งจำนวน 2 ลำ และได้กลับมาทำงานตามปกติแล้ว
ด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เป็นไปตามปกติของฤดูกาลที่ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ส่วนธุรกิจอื่นๆ หรือ อาหารและเครื่องดื่ม บริษัทฯ ก็มีแผนขยายสาขาร้านพิซซ่า ฮัท และทาโก้ เบลล์อย่างต่อเนื่อง วางงบลงทุนไว้ที่ 100-150 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีร้านอาหารภายใต้การบริการรวม 162 สาขา ได้แก่ พิซซ่า ฮัท จำนวน 154 สาขา และสาขาทาโก้ เบลล์ จำนวน 8 สาขา
อีกทั้งยังมีแผนซื้อเรือเพิ่มอีก 1 ลำ จากครึ่งปีแรกซื้อไปแล้วจำนวน 1 ลำ โดยปัจจุบันมีเรือทั้งสิ้น 22 ลำ อัตราบรรทุกเรือเฉลี่ย 55,436 เดทเวทตัน โดยอยู่ระหว่างดูราคาที่เหมาะสม และจังหวะในการลงทุน
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้นในปัจจุบันที่อยู่ระดับต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) มากนั้น บริษัทฯ ยืนยันว่ายังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืนในเร็วๆนี้ อย่างแน่นอน แต่หากในอนาคตมีแผนซื้อหุ้นคืนจะดำเนินการแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบต่อไป