TITLE พุ่งชนซิลลิ่ง-นิวไฮรอบ 5 เดือน คาดเก็งกำไรหุ้นเล็ก-เทคนิคขาขึ้น

TITLE พุ่งชนซิลลิ่ง-นิวไฮรอบ 5 เดือน คาดเก็งกำไรหุ้นเล็ก-เทคนิคขาขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ณ เวลา 15.45 น. อยู่ที่ระดับ 2.46 บาท บวก 0.32 บาท หรือ 14.95%  ด้วยมูลค่าซ้อขาย 37.56 ล้านบาท ราคาหุ้นพุ่งชนซิลลิ่งของวันที่ระดับ 2.46 บาท และทำนิวไฮในรอบ 5 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 2.48 บาท เมื่อวันที่ 16 มี.ค.63 คาดเก็งกำไรหุ้นเล็ก-เทคนิคขาขึ้น

โดยก่อนหน้านายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทางเลือกบนเกาะภูเก็ตหลังเปิดประเทศคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการที่ประเทศไทยมีการควบคุมการสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีในอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ต่างชาติมีมุมมองที่ดีและให้ความสนใจอยากกลับเข้ามาอาศัยในไทยมากขึ้น จึงเชื่อว่ากำลังซื้อของต่างชาติจะฟื้นตัวได้เร็วหลังจากมีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกได้ตามปกติ

ขณะนี้บริษัทมีโครงการที่พร้อมขายและรอการเปิดขายอีกมูลค่ารวมราว 1 หมื่นล้านบาท โดยตั้งอยู่บนที่ดินที่มีศักยภาพสูงไม่ว่าจะเป็นบริเวณหาดในยาง หาดบางเทา และหาดราไวย์ โดยเฉพาะหาดในยาง ซึ่งอยู่ห่างสนามบินนานาชาติภูเก็ต เพียง 5 นาที ทำให้มั่นใจว่าเมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ผลประกอบการจะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามเป้าหมายที่ได้วางไว้

ในระหว่างนี้บริษัทได้เตรียมออกแคมเปญกระตุ้นการขายในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา เงื่อนไขการชำระเงิน ตลอดจนการจัดหาสินเชื่อให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจะทำให้ตัดสินใจได้เร็วเพราะเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ตอนนี้เหลือเพียงอย่างเดียวคือการรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปี 63 บริษัทฯมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 68.82 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 19.45 ล้านบาท  เนื่องจากลูกค้าหลักที่เป็นชาวต่างชาติ ไม่สามารถเดินทางมาทำธุรกรรมใดๆได้ในขณะนี้ ตามมาตรการล็อกดาวน์ชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม

“เรารอสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 2/63 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว  พร้อมกันนี้ขอให้มั่นใจว่าผลประกอบการที่ขาดหายไปในปี 63 ทั้งหมด จะกลับคืนในปีถัดๆไปอย่างแน่นอน เพราะกำลังซื้อจากต่างชาติที่ต้องการถือครองอสังหาฯในไทย มีสัญญาณที่ดี เนื่องจากมีชาวต่างชาติจำนวนมากกว่าเดิมที่มองว่าไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยดูได้จากการสมัครสมาชิก อีลิทการ์ดที่ให้สิทธิ์ชาวต่างชาติเข้าและอยู่ไทยได้ 5-20 ปีมียอดสมาชิกเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากชาวต่างชาติมีความประสงค์เข้ามาถือครองอสังหาฯไทย ถือเป็นบ้านหลังที่สอง  เชื่อว่าสามารถฟื้นกำลังซื้อหลังเดินทางเข้าออกได้ตามปกติ”นายศศิพงษ์ กล่าว

 

Back to top button