FSMART วิ่งฉิว 5% คาดผลงานครึ่งปีหลังฟื้น รับยอดเติมเงินนิวไฮ-ต่อยอดธุรกิจต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ล่าสุด ณ เวลา 15.20 น. อยู่ที่ 6.50 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 4.84% สูงสุดที่ 6.60 บาท ต่ำสุดที่ 6.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 44.92 ล้านบาท 

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ FSMART เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 1,396 ล้านบาท หลังจากยอดเติมเงินมือถือผ่านตู้บุญเติมผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 ไปแล้ว และทิศทางจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันยอดเติมเงินฟื้นตัวกลับขึ้นมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1/63 แล้ว และน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหากไม่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่

ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 4/63 ยอดเติมเงินมือถือจะสามารถทำนิวไฮได้ ขณะเดียวกันจำนวนตู้เติมเงินทั่วประเทศ คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดิม แม้ว่าอาจเห็นการยกเลิกของบางตู้ไป แต่ก็น่าจะส่งผลดีต่อตู้บุญเติมให้มีโอกาสเติบโตมากขึ้นในทำเลที่ดีขึ้น

สำหรับธุรกิจการให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร (Banking Agent & Lending Business) บริษัทเตรียมเพิ่มธุรกรรมการถอนเงินเข้าไปในตู้บุญเติมคาดว่าจะเห็นได้ในช่วงปลายปีนี้ในหลัก 100 ตู้ รวมถึงบริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) คาดว่าจะช่วยเพิ่มการทำธุรกรรมผ่านตู้บุญเติมเป็น 20 ล้านรายการ และผลักดันกำไรเพิ่มกว่า 200 ล้านบาท จากเดิม 160 ล้านบาท จากการเพิ่มธุรกรรมทางการเงิน

ขณะที่บริษัทฯยังมีการร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ เพื่อขายประกันภัยผ่านตู้บุญเติม ซึ่งจะเจาะกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มคนรากหญ้า โดยช่วงแรกจะเน้นขายประกันวินาศภัย เช่น พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนราว 20 ล้านคัน คาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้ในส่วนนี้เข้ามาตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไป วางเป้าขายประกันดังกล่าวในปีนี้ไว้ที่หลักแสนกรมธรรม์ และปี 2564 หลักล้านกรมธรรม์

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 8% ในธุรกิจร้านขายน้ำอัตโนมัติ (Coffee Machine) ของบริษัทแม่ ได้แก่ บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH โดยบริษัทจะเข้าไปบริการจัดการ และรับรู้ส่วนแบ่งค่าบริหารจัดการ โดยไม่ต้องลงทุน ซึ่ง FORTH คาดว่าจะสามารถขยายร้านขายน้ำอัตโนมัติดังกล่าวเพิ่มเป็น 25,000 ตู้ ภายในปี 2565 และคาดจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท/ปี หลังจากเปิดให้บริการ

อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินงานข้างต้นบริษัทฯ คาดว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,419.25 ล้านบาท และกำไรน่าจะกลับมาทำนิวไฮได้อีกครั้งในปี 2564 จากปี 2562 ที่เคยทำได้ 584.23 ล้านบาท

โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นใน 3 กลุ่มธุรกิจให้มีการเติบโต ทั้งกลุ่มธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงิน โดยจะรักษายอดเติมเงิน ด้วยการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดการใช้บริการ ขณะเดียวกันบริษัทจะพยายามเพิ่มศักยภาพในกลุ่มธุรกิจที่ 2 การให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร เพื่อเป็นจุดบริการการทำธุรกรรมทางการเงินและสินเชื่อครบวงจรมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมติดตั้งตู้บุญเติมรุ่นใหม่ที่สามารถถอนเงินได้จากทุกธนาคาร นอกเหนือจากบริการฝาก โอน จ่าย เปิดบัญชี และบริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ที่ให้บริการในตู้ปัจจุบัน และคาดว่าจะติดตั้งพร้อมให้บริการได้ในปลายปีนี้ ควบคู่ไปกับการเป็นตัวแทนรับฝากเงิน โอนเงินเข้าบัญชีเพิ่มอีก 1 ธนาคาร และเพิ่มบริการการตรวจสอบเครดิตบูโร (NCB) ด้วยตนเอง ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นส่วนผลักดันที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดการทำรายการอย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้งในช่วงกลางเดือนก.ย.นี้ จะเปิดขายประกันร่วมกับบริษัท TQM โดยจะเน้นขายประกันวินาศภัย เช่น การต่อพ.ร.บ. รถจักรยานยนต์ และกรมธรรม์ประกัน เป็นต้น ซึ่งจะเริ่มมีรายได้เข้าทันทีหลังเปิดให้บริการ ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ 3 เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและการกระจายสินค้า บริษัทจะขยายจุดติดตั้งตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติที่มีบริการเติมเงิน-รับชำระเงินของตู้บุญเติม (Vending Machine & Top-Up Service) ตู้จำหน่ายกาแฟสด เพิ่มเป็น 4,500 ตู้ และเร่งการขยายการติดตั้งตู้จำหน่ายน้ำมันอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมาย 500 ตู้ ในสิ้นปี 63