ก.ล.ต.เปิดเฮียริ่งพิจารณาค่า “คอมมิชชั่น” ซื้อ-ขายหุ้น หลังรายได้โบรกฯลดสวนค่าใช้จ่าย
ก.ล.ต.เปิดเฮียริ่งพิจารณาค่า “คอมมิชชั่น” ซื้อ-ขายหุ้น หลังรายได้โบรกฯลดสวนค่าใช้จ่าย
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีนโยบายรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนโดยจัดประชุมร่วมกับสมาคมต่าง ๆ เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ก.ล.ต. ได้จัดประชุมรายไตรมาสกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ซึ่งสมาคมฯได้นำเสนอข้อมูลสถานการณ์การประกอบธุรกิจโบรกเกอร์ของบริษัทหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และประเด็นที่เกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ค่าคอมมิชชั่น)
โดยให้ข้อมูลว่า แม้ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ค่าคอมมิชชั่นที่บริษัทเรียกเก็บจากผู้ลงทุนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงที่ผ่านมา โบรกเกอร์ได้ลดค่าคอมมิชชั่นให้แก่ลูกค้า ส่งผลให้รายได้ของโบรกเกอร์ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้ค่าคอมมิชชั่น จึงขอให้ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พิจารณาทบทวนประเด็นดังกล่าว
โดย ก.ล.ต. เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันของตลาดทุนไทย ก.ล.ต. ไม่มีแผนที่จะเพิ่มอัตราการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจากโบรกเกอร์ ซึ่งปัจจุบันเรียกเก็บจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ในอัตราร้อยละ 0.001 ของมูลค่าการซื้อขาย และสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท สำหรับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในอัตรา 0.01 และ 0.10 บาทต่อสัญญา ขึ้นอยู่กับราคาหลักทรัพย์อ้างอิง ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2560 และเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมในต่างประเทศ
สำหรับค่าธรรมเนียมการซื้อขายในส่วนที่ตลาดหลักทรัพย์เรียกเก็บเพื่อเป็นค่าบริการซื้อขาย (Trading Fee) อยู่ที่อัตราร้อยละ 0.005 ของมูลค่าการซื้อขาย และค่าการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ (Clearing Fee) อยู่ที่อัตราร้อยละ 0.001 ของมูลค่าการซื้อขาย รวมทั้งค่าธรรมเนียมการรักษาหลักทรัพย์ในบัญชีหลักทรัพย์ 1.50 บาทต่อเดือนต่อมูลค่าหลักทรัพย์คงเหลือทุกจำนวน 1 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในส่วนค่าธรรมเนียมที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียกเก็บจากโบรกเกอร์เป็นเรื่องทางธุรกิจระหว่างตลาดหลักทรัพย์กับโบรกเกอร์สมาชิก ซึ่ง ก.ล.ต. ไม่ได้เป็นผู้กำหนด
ส่วนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX ในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจรายปี เพื่อให้สอดคล้องกับภาระและต้นทุนการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ซึ่งแปรผันตามปริมาณธุรกรรมการซื้อขายในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นมากจากในอดีต และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของตลาดทุน ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจาก TFEX เป็นอัตรา 0.05 บาทต่อสัญญาที่มีการซื้อขายใน TFEX และมีอัตราขั้นต่ำ 2 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่ TFEX ได้จัดตั้งขึ้นในปี 2547 ก.ล.ต. ไม่ได้มีการเก็บค่าธรรมเนียมจาก TFEX เพื่อส่งเสริมการซื้อขายในตลาด จนได้เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมในปี 2554 ซึ่งโบรกเกอร์เห็นว่า เป็นอัตราที่สูงและขอให้ปรับลดลง เนื่องจากจะทำให้เกิดการส่งผ่านค่าใช้จ่ายดังกล่าวจาก TFEX ไปยังโบรกเกอร์และต่อไปยังผู้ลงทุน
ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างดำเนินการทบทวนค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจาก TFEX โดยจะนำข้อเสนอแนะที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณา เพื่อให้ค่าธรรมเนียมอยู่ในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุน ในขณะเดียวกันก็ไม่เป็นภาระแก่ผู้เกี่ยวข้องเกินสมควร และจะยกประเด็นที่โบรกเกอร์มีข้อเสนอเรื่องค่าธรรมเนียมการซื้อขายดังกล่าว เพื่อหารือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป