TASCO ฟลอร์ 2 วันติด! โบรกฯ มองปิดโรงกลั่นกดกำไรปี 64 ลดฮวบ 30% หั่นเป้าเหลือ 14 บ.

TASCO ฟลอร์ 2 วันติด! โบรกฯ มองปิดโรงกลั่นกดกำไรปี 64 ลดฮวบ 30% หั่นเป้าเหลือ 14 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ณ เวลา 12.08 น. อยู่ที่ระดับ 17.40 บาท ลบ 3.00 บาท หรือ 14.71% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 51.81 ล้านบาท ราคาหุ้นร่วงติดฟลอร์ 2 วันติด โดยราคา Floor ของวันนี้(15ก.ย.63) อยู่ที่ระดับ 17.40 บาท คาดนักลงทุนกังวลยกเลิกซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซูเอลาและปิดโรงกลั่นในมาเลเซียชั่วคราวกระทบยอดขายปีหน้าวูบหนัก 50-60% และกระทบกำไรวูบ 20-30%

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า TASCO ประกาศปิดโรงกลั่นของบริษัทที่มาเลเซีย ซึ่งมีกำลังผลิต 30,000 ตันต่อวัน เพื่อเลี่ยงการถูกคว่ำบาตรจากประเทศสหรัฐฯ เพราะโรงกลั่นนี้ซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลาเป็นหลักกว่า 90% ซึ่งผลกระทบในปี 2563 จำกัด ราว 1-2% เพราะบริษัทมีน้ำมันพอใช้ถึง ต.ค.-พ.ย. แต่ปี 2564 คาดว่าจะกระทบยอดขายราว 50-60% และกระทบกำไร 20-30% หรือประมาณ 0.44-0.63 บาทต่อหุ้น

 

บล.ดีบีเอสฯ ระบุว่า US State Department ขอให้บริษัทหยุดซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซูเอลา – ทาง US State Department ได้ขอให้บริษัทหยุดซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซูเอลา มีผลตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.63 เป็นต้นไป และแจ้งเตือนว่าบริษัทฯอาจถูกคว่ำบาตรจากประเทศสหรัฐในกรณีที่บริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อร้องขอ

โรงกลั่นบริษัทใช้น้ำมันดิบจากเวเนซูเอลา 90% ของทั้งหมด – TASCO แจ้งว่าโรงกลั่นของบริษัทในเมือง Kemaman ประเทศมาเลเซีย ถูกออกแบบมาเพื่อการกลั่นน้ำมันดิบชนิดหนัก นับตั้งแต่โรงกลั่นเริ่มดำเนินการในปี 2550 โรงกลั่นของบริษัทมีการใช้น้ำมันดิบจากประเทศเวเนซูเอลาสำหรับการกลั่นคิดเป็นร้อยละ 90 โดยประมาณของน้ำมันดิบที่ใช้ทั้งหมด

ปิดโรงกลั่นที่ Kemaman ประเทศมาเลเซียชั่วคราว…ซึ่งโรงนี้ผลิตยางมะตอย 60% ของทั้งหมด – ทาง TASCO จะดำเนินการหยุดการซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซูเอลา ตามที่ US State Department ร้องขอ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทต้องทำการปิดโรงกลั่นในเมือง Kemaman เป็นการชั่วคราวจนกว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อประเทศเวเนซูเอลาถูกยกเลิก หรือบริษัทสามารถจัดหาน้ำมันดิบทดแทนน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซูเอลาได้ ทั้งนี้โรงกลั่น Kemaman มีปริมาณการกลั่น 1.2 ล้านตันต่อปี คิดเป็น 60% ของปริมาณการกลั่นยางมะตอยทั้งหมดของบริษัทที่ 2 ล้านตันต่อปี ส่วนปริมาณที่เหลือ 40% เป็นธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading) ยางมะตอย

แผนรับมือของ TASCO – ทางบริษัทจะแก้ไขปัญหานี้ด้วยการ 1) หาซื้อวัตถุดิบจากแหล่งอื่น แต่ก็จะมีต้นทุนแพงขึ้นมาก และอาจได้ Yield ยางมะตอยน้อยกว่า, 2) กลับไปทำธุรกิจซื้อมาขายไป โดยซื้อยางมะตอยจากโรงกลั่นในไทย, จีน, เกาหลีใต้ ฯลฯ และเน้นลูกค้ารายย่อยที่ให้มาร์จิ้นดีกว่าการขายส่งแบบที่ทำในปัจจุบัน, 3) เพิ่มสินค้าพรีเมียม เช่น AC Asphalt, 4) เน้นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมี Backlog 8.6 พันล้านบาท, 5) ใช้คลังถึงก.พ.64 ซึ่งคลังมีกำลังการเก็บ 1.8 ล้านบาร์เรล

ผลกระทบต่อกำไรปี 63F จำกัด และกระทบกำไรปี 64F อย่างมาก – ผู้บริหารระบุว่าผลกระทบต่อผลประกอบการปี 63F จำกัดมากเพราะโรงกลั่นยังทำงานได้จากวัตถุดิบที่มีอยู่ในคลัง และดีมานด์ในไทย & เวียดนามแข็งแกร่งเป็น Record high ส่วนปี 64F คาดจะกระทบมากทั้งปริมาณขายและอัตรากำไรที่จะต่ำลง

ฝ่ายวิจัยฯ DBS ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63F-64F ลง -7% และ -40% ทำให้กำไรสุทธิจะหดตัว -25% และ -29% เป็น 2.36 พันล้านบาท และ 1.67 พันล้านบาท ตามลำดับ ปรับลดคำแนะนำเป็นขาย (เดิมซื้อ) – จากการที่ธุรกิจมีความท้าทายอย่างมากจากประเด็นข้างต้น จึงปรับคำแนะนำเป็นขาย และให้ราคาพื้นฐานใหม่ 14 บาท อิงกับ P/E ปี 64F ที่ 13.3 เท่า

Back to top button