RBF คาดผลงานครึ่งหลังสดใส รับออเดอร์เพิ่มหลังคลายล็อกดาวน์ มั่นใจรายได้ทั้งปีโตตามเป้า12%
RBF คาดผลงานครึ่งหลังสดใส รับออเดอร์เพิ่มหลังคลายล็อกดาวน์ มั่นใจรายได้ทั้งปีโตตามเป้า12%
นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานช่วงครึ่งหลังปี 2563 จะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ทำให้ร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ ทำให้ผู้ประกอบการอาหารซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักสั่งซื้อสินค้าส่วนผสมอาหารเข้ามาต่อเนื่อง
โดยบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งจะเน้นสินค้ากลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพตามกระแสความนิยมของโลก และสินค้ากลุ่มแต่งกลิ่น โดยเฉพาะกลิ่นหอม หลังจากมียอดคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ส่วนโรงงานในอินโดนีเซีย ได้กลับมาเปิดในช่วงไตรมาส 3/63 คาดจะรองรับออเดอร์ได้มากขึ้น ขณะที่โรงงานในเวียดนาม คาดจะเปิดดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายปี 63 ทั้งนี้บริษัทเตรียมเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในสิงคโปร์เร็วๆ นี้ ขณะที่ธุรกิจโรงแรมจะกลับมาดีขึ้นช่วงไตรมาส 4/63 ดังนั้นทั้งปี 63 คาดรายได้จะเติบโตตามเป้าหมาย 10-12% จากปีก่อน
ด้าน นางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 3/63 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 130 ล้านบาท เติบโต 22.6% จากไตรมาสก่อน และ เติบโต 22.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยเป็นผลมาจาก COVID-19 คลี่คลาย หลายภาคธุรกิจกลับมา Reopen อีกครั้ง คาดเห็นรายได้ในประเทศฟื้นตัว โดยเฉพาะลูกค้าเครื่องดื่ม ที่ทยอยออกสินค้าใหม่กันอย่างต่อเนื่อง อาทิ เครื่องดื่มผสมวิตามิน รวมถึงลูกค้ากลุ่มอาหาร ล่าสุด บริษัทได้ Supply กลิ่นกระทะ ในอาหารสำเร็จรูปให้กับลูกค้
ส่วนธุรกิจโรงแรมที่ Novotel ชุมพร เริ่มกลับมาฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ส่วนโรงแรม Ibis ที่เชียงใหม่ฟื้นตัวช้ากว่า ในขณะที่ได้มีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ดังนั้นคาดว่า “ธุรกิจโรงแรม” จะผลขาดทุนลดลงจากไตรมาส 2/63
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/63 คาดจะทำได้ใกล้เคียงจุดสูงสุดในไตรมาส 4/63 ที่มีกำไรสุทธิที่ 150 ล้านบาท เพราะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะกดดันลดลงต่อเนื่อง สถานการณ์ปัจจุบันยังดูสอดคล้องกับประมาณการของฝ่ายวิจัย ดังนั้นคาดว่ากำไรปกติปี 63-64 ทำนิวไฮที่ 545 ล้านบาท เติบโต 42.5% จากปีก่อน และ 630 ล้านบาท เติบโต 15.5% จากปีก่อน ตามลำดับ แนะนำ “ซื้อ”เป้าหมาย 11 บาท