จบเกณฑ์ชั่วคราว “ชอร์ตเซล-ซิลลิ่งฟลอร์” วันนี้! โบรกฯ หวั่นแรงขายทะลัก ฉุดหุ้นผันผวนหนัก

จบเกณฑ์ชั่วคราว “ชอร์ตเซล-ซิลลิ่งฟลอร์” วันนี้! โบรกฯ หวั่นแรงขายทะลัก ฉุดหุ้นผันผวนหนัก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.2563) เป็นต้นไป ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะกลับมาใช้เกณฑ์ราคาเสนอขายชอร์ต (Short Sell) และเกณฑ์ราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ตามปกติ หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการกำหนดระยะเวลาการใช้เกณฑ์ชั่วคราว ทั้งเกณฑ์ราคาเสนอขายชอร์ตสูงกว่าราคาตลาด (Short Sell) และเกณฑ์ราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ไม่เกิน 15% จากเดิม 30% ให้สิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.63 เพราะหลังวิกฤตโควิด-19 ความผันผวนของตลาดทรงตัวอยู่ในช่วง 20-30% มาอย่างต่อเนื่อง

โดยขณะนี้ ตลท.มองว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีเหตุการณ์ใดรุนแรงจนส่งผลกระทบทำให้ความผันผวน จึงได้ยกเลิกมาตรการดังกล่าว

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียง SMM Sport Radio FM 96 MHz. และทางแฟนเพจ Facebook : ข่าวหุ้นธุรกิจ / Facebook : ข่าวหุ้นเจาะตลาด / YouTube Channel : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ วันที่ 3 มี.ค.2563 ช่วงเวลาประมาณ 9.40 น. ว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ แต่ยังไม่แข็งแรงและไม่มั่นคง เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเบาบาง

ขณะที่ มองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวน เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของมาตรการควบคุมซิลลิ่ง ฟลอร์ และการชอร์ตเซลล์ ทำให้มีความผันผวนมากขึ้น โดยเกณฑ์ชั่วคราวที่ถูกนำมาใช้ช่วงตลาดผันผวน 6 เดือนที่ผ่านมา เช่น การชอร์ตเซลล์ได้เฉพาะราคาที่สูงกว่ากระดาน ทำให้ตลาดมีแรงขายน้อยกว่า ขณะที่เกณฑ์ซิลลิ่งฟลอร์ได้เพียง 15% ทำให้เกิดการผันผวนน้อยกว่าแบบปกติ ดังนั้น จึงมองว่าภายหลังจากการกลับมาใช้เกณฑ์ปกติอาจทำให้ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ย.2563) โดยประเมินดัชนีฯ ไซด์เวย์ หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยผันผวนค่อนข้างแรงในช่วงบ่าย ตามการเหวี่ยงแรงของตลาดหุ้นในเอเชียผนวกกับการหมดอายุของสัญญาฟิวเจอร์เดือน ก.ย. 2563

ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยของตลาดหุ้นเป็นกลาง นักลงทุนส่วนใหญ่รอดูการโต้วาทีระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน ซึ่งเพิ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อ 8.00 น. เพื่อประเมินแนวทางของคะแนนนิยมในระยะถัดไป ขณะที่ในช่วงบ่ายวันนี้ ธปท. จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค. ซึ่งน่าจะส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจไทย หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา

ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศ – เป็นกลาง: 1) เมื่อเช้านี้ ทางการจีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือน ก.ย. อยู่ที่ 51.5 ซึ่งสูงกว่าที่ consensus คาดเล็กน้อย 2) ตลาดยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่สำคัญในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ เช่นเครื่องชี้ภาคการผลิตของยุโรป เดือน ก.ย. ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งตัวเลขภาคการผลิตและภาคแรงงานสหรัฐฯ เดือน ก.ย. ซึ่งจะรายงานในช่วงปลายสัปดาห์นี้เช่นกัน

ด้านปัจจัยในประเทศ – เป็นกลาง: คาดว่านักลงทุนส่วนหนึ่งยังมีความกังวลต่อผลกระทบจากการที่ ตลท. จะกลับมาใช้เกณฑ์ชอร์ตเซลที่ราคา bid ได้ รวมทั้งเกณฑ์ราคาซิลลิ่ง/ฟลอร์ 30% ในวันที่ 1 ต.ค. นี้

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ย.2563) ว่า ในวันพรุ่งนี้ ตลาดปรับใช้เกณฑ์ Short sell, Ceiling & Floor ตามเดิม เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงคอยกดดันตลาด : ตลาดหลักทรัพย์ และตลาด TFEX จะปรับใช้เกณฑ์ Short sell เป็นเกณฑ์ Zero Plus Tick คือ ใช้ราคาที่สูงกว่าหรือเท่ากับราคาซื้อขายสุดท้าย (เดิม ใช้ราคาสูงกว่าราคาสุดท้าย), Ceiling & Floor ที่ระดับ +/-30% ตามเดิม (เกณฑ์ชั่วคราว +/-15%) โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป

ขณะที่ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า การกลับมาใช้เกณฑ์ปกติของการชอร์ตเซล น่าจะกดดันแรงขายชอร์ต กลับสู่3 -3.5 พันล้านบาทต่อวัน เหมือนช่วงก่อนโควิด-19 เปรียบเทียบการซื้อขายช่วง 5 เดือนล่าสุด (เม.ย.-ส.ค.2020) ที่มีการกำหนดเกณฑ์ Uptick ของการชอร์ตเซล กับช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค.2019 ที่ใช้เกณฑ์ปกติ และภาพตลาดช่วงนั้น Sideway down เหมือนภาวะปัจจุบัน โดยใช้ค่าเฉลี่ย 60 วันย้อนหลังเป็นตัววัด พบว่า มูลค่าชอร์ตเซลรวม ปรับลดลง-85% และยอดชอร์ตเซลNVDR ลดลง-90%

ดังนั้นหากมาตรากลับสู่ภาวะปกติ คาดว่า มูลค่าชอร์ตเซลรวมอาจเพิ่มจากค่าเฉลี่ยที่ 500 ล้านบาทต่อวันมาที่ 3,000-3,500 ล้านบาทต่อวัน โดยแบ่งเป็นยอดชอร์ตเซลจาก NVDR จะเพิ่มจาก 100 ล้านบาทต่อวัน มาที่ 1,000-1,200 ล้านบาทต่อวัน

Back to top button