สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ต.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ต.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) เนื่องจากรายงานข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 นั้น ทำให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้นออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,682.81 จุด ลดลง 134.09 จุด หรือ -0.48%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,348.42 จุด ลดลง 32.38 จุด หรือ -0.96% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,075.02 จุด ลดลง 251.49 จุด หรือ -2.22%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกในตลาดเกี่ยวกับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.25% ปิดที่ 362.69 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,824.88 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด หรือ +0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,902.12 จุด เพิ่มขึ้น 22.67 จุด หรือ +0.39% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,689.04 จุด ลดลง 41.73 จุด หรือ -0.33%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) โดยตลาดฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงลงในช่วงแรกจากผลกระทบของข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ติดโรคโควิด-19 และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,902.12 จุด เพิ่มขึ้น 22.67 จุด หรือ +0.39%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบออกมา หลังจากมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้ตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก และอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันตามมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.67 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 37.05 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 8%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 39.27 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 7.4%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้กระตุ้นแรงขายสัญญาทอง โดยทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,907.6 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ราคาทองปรับตัวขึ้น 2.2%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 22.5 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 24.029 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 14.6 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 891.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 2,325 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 นั้น กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.15% สู่ระดับ 93.8476
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9205 ฟรังก์ จากระดับ 0.9186 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3302 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3270 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.37 เยน จากระดับ 105.55 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1712 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1746 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7158 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7192 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2931 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2892 ดอลลาร์