ดาวฯฟิวเจอร์สพุ่งกว่า 300 จุด คลายวิตก “ทรัมป์” ติดโควิด คาดออกรพ.วันนี้
ดาวฯฟิวเจอร์สพุ่งกว่า 300 จุด คลายวิตก "ทรัมป์" ติดโควิด เตรียมออกรพ.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 300 จุด ทะลุแนว 28,000 ในวันนี้ ขานรับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีอาการดีขึ้นหลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโควิด-19 และอาจจะออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความหวังต่อความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ล่าสุด ณ เวลา 23.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,931 จุด บวก 369 จุด
ด้าน นายมาร์ก มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคณะแพทย์จะทำการหารือกันในวันนี้ เพื่อพิจารณาว่าปธน.ทรัมป์จะสามารถออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ได้หรือไม่ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโควิด-19
“ท่านประธานาธิบดีมีอาการดีขึ้น และเราจะทำการตัดสินใจว่าท่านจะออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ได้หรือไม่” นายมีโดวส์กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าปธน.ทรัมป์สามารถออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ แต่เขาจะยังคงถูกกักตัวภายในทำเนียบขาวเพื่อเฝ้าดูอาการต่อไป
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เข้ารับการรักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก ซึ่งสร้างความวิตกกังวลเป็นวงกว้าง เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.
นอกจากนี้ นายมีโดวส์ยังกล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่ทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่ปธน.ทรัมป์มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีข้อตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ปธน.ทรัมป์เข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโควิด-19 ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันศุกร์ เขาก็ได้ทำการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีดาวโจนส์ยังได้ปัจจัยหนุนจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.8 ในเดือนก.ย. จากระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.0
ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวเหนือระดับ 57.3 ที่ทำไว้ในเดือนก.พ.ก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในการดีเบตวันที่ 7 ต.ค.