“ธนินท์” จี้แก้กม.-แจกสัญชาติหนุน EEC ชมเปาะ! “สุพัฒนพงษ์” ตัวจริงมือเศรษฐกิจ
“ธนินท์” จี้แก้กม.-แจกสัญชาติหนุน EEC ชมเปาะ! “สุพัฒนพงษ์” ตัวจริงมือเศรษฐกิจ
นายธนินท์ เจียรวนนท์ (เจ้าสัวธนินท์) ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า วันนี้การดำเนินงานของรัฐบาลมาถูกทางแล้ว อยากเห็นเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง พัฒนา ซึ่งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นโอกาสที่ดีที่สุด โดยกฎหมายไม่ต้องมีการเกี่ยวพันกับทั้งประเทศ เพราะเป็นพื้นที่เขตพิเศษ วันนี้ผิด พรุ่งนี้แก้ จะไปเสียหายอะไร แต่ต้องเร็ว ต้องกล้า ต้องตัดสินใจ
เรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สามารถควบคุมได้ดี แต่ว่าเรื่อง EEC ไม่ใช่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นประธานทำเรื่อง EEC ไม่ใช่ให้หลาย ๆ กระทรวงแนะความคิดเห็น เพราะทำให้เรื่อง EEC เป็นไปได้ช้า หากใช้วิธีเดียวกับที่จัดการกับโควิด-19 ได้ผลมาแล้ว EEC ก็จะเกิดขึ้นแน่นอน และเร็วกว่านี้ โดยให้อำนาจนายกฯ เต็มที่ อย่ารอกฎหมายใหญ่ที่จะต้องเข้าสภา
โดยรัฐบาลจะต้องกระตือรือร้น ต้องเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ไปดึง ไปง้อ ไปถามนักลงทุนว่าต้องการอะไร ถือว่าต้องวัดตัวสูทเลย ไปกลัวอะไร และต้องชมเชยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีการเปลี่ยนทีมใหม่ โดยเฉพาะนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถือว่าเป็นคนเก่ง เป็นนักปฏิบัติที่ดี เพราะนักวิชาการไม่เคยปฏิบัติ รู้ทฤษฎี พูดดี แต่ปฏิบัติไม่เป็น
ดังนั้น ส่วนของ EEC จะต้องเริ่มที่กฎหมาย นักลงทุนต้องการอะไรก็ต้องออกกฎหมายไปเอื้อให้เข้ามาลงทุนในไทย กฎหมายไม่ใช่คิดเอง ไปถามดีกว่า รวมถึงต้องมีการสร้างมาตรฐานและเป้าหมายก่อนว่าใน EEC จะเอากลุ่มธุรกิจอะไรเข้ามาบ้าง เช่น ธุรกิจยา ไบโอเทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ อย่างหุ่นยนต์อัจฉริยะ รถยนต์ไฟฟ้า โดยต้องออกกฎหมายให้เข้ากับแต่ละธุรกิจ เพราะกฎหมายฉบับเดียวจะนำไปใช้กับทุกธุรกิจไม่ได้ ถือว่าเสียวันนี้ได้วันหน้า หรือเสียชั่วคราวแต่ว่าได้ยั่งยืน
ต้องเลิกพูดว่าขายข้าวเป็นเบอร์หนึ่งดีกว่า เอาเรื่องการท่องเที่ยวกับ EEC มาโชว์ถูกต้องแล้ว เพื่อชักชวนให้คนทั่วโลก คนรวยเข้ามาลงทุน โดยใคร ๆ ก็อยากมาเมืองไทย รวมถึงเศรษฐีในอินเดียและอเมริกา แต่ไทยกลับกลัวต่างประเทศจะเข้าลงทุน แย่งอาชีพคนไทย ทำไมไม่เอาคนเก่งจากต่างประเทศมาลงทุน มาช่วยสร้างประโยชน์ให้คนไทย มาทำให้คนไทยเก่งขึ้นด้วย แต่กลับติดที่เรื่องความเห็นแก่ตัว ไม่เข้าใจ ถ้ากลัวต่างชาติก็เปลี่ยนให้มาเป็นคนไทยเลย เป็นบริษัทไทย และออกกฎหมายมาปกป้องผลประโยชน์ กลัวอะไร เพราะคู่แข่งของเขาน่าจะเป็นบริษัทอย่างซีพีหรือบริษัทใหญ่ ๆ มากกว่า ไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศ
“ถ้าประเทศไทยเจริญ ซีพีเจริญ เพราะเราเป็นเรือ เศรษฐกิจเป็นน้ำ ถ้าน้ำขึ้น เรือเราก็จะลอยดีทั้งหมด เราต้องให้ทุกฝ่ายอยู่รอด เป็นประโยชน์กับคนยากจน กำลังซื้อก็เพิ่มขึ้น การจ้างงานก็มากขึ้น เกษตรกรมีงานทำ และมีรายได้สูงขึ้น”
การสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศไทยต้องมีการคิดพร้อมกัน ทั้งในวันนี้และทั้งในอนาคต ถ้ากลัวว่าจะมาโกยเงินจากประเทศไทย ก็ออกฎหมาย ปรับหลักการในการลงทุน จากที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้สิทธิเข้ามาลงทุน 8 ปี เป็นการให้มาอยู่ชั่วคราว ใครจะมาสร้างบ้านได้ยังไง จะต้องบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ สามารถอยู่ได้เลย รับรองว่ามีการทิ้งประเทศตัวเองมาอยู่ที่ไทย อีกทั้งวันนี้สร้าง 4.0 ไม่ทันแล้ว แล้วทำไมไม่เชิญคนต่างประเทศเก่ง ๆ ยุคใหม่เข้ามา ทรัพยากรมนุษย์นี้ล้ำค่า การสร้างโรงงานก็ได้สินค้าที่มีมูลค่า แต่สร้างคนอาจทำประโยชน์ได้ระดับหมื่นล้านแสนล้านได้
“จะต้องมีคนเก่ง ถ้ามีเบอร์หนึ่งของอเมริกามาอยู่เมืองไทย เราก็จะเป็นเบอร์หนึ่งด้วย นอกจากนี้ประเทศไทยยังตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของคนกว่า 3,000 ล้านคน ทั้งอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย เป็นต้น และที่สำคัญที่สุด ทุกคนไม่รังเกียจประเทศไทย และอยากมาอยู่เมืองไทย ชอบคนไทย วัฒนธรรมไทยที่ดีตั้งแต่รัชกาลที่ 1 แต่เราจะไม่ใช้ของดีนั้นเป็นโอกาสได้ยังไง”
ปรับตัว-คัดเลือก-ง้อนักลงทุน
ขณะที่ภาคธุรกิจจะต้องมีการปรับตัว โดยต้องไปคัดเลือก ไปเชิญ ไปง้อให้เข้ามาลงทุน ถ้าไม่เหมาะสม ไม่ดี ก็ไม่ให้เข้ามาในประเทศไทย เดี๋ยวจะมาเป็นภาระ ซึ่งคนที่ต้องการให้มาแต่ไม่มา ก็จะต้องไปถามว่าต้องการอะไร เพื่อที่จะได้ออกกฎหมายมาเอื้อให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยนายกฯ ควรไปเป็นเซลล์เอง
ทั้งนี้ จากการป้องกันโควิด-19 ทำได้ดีแล้ว เศรษฐกิจอาจไม่ดี ได้อย่างหนึ่งก็ต้องเสียอย่างหนึ่ง วันนี้ต้องคิด 2 ขั้น โดยขั้นแรกเอาเงินไปช่วย ส่วนอีกขั้นคือหาเงิน ซึ่งยังไม่ค่อยเห็น ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เช่น การออกกฎหมายให้เศรษฐีต่างประเทศมาซื้อบ้านในไทย อย่าเข้าใจผิดว่าขายชาติ แต่เป็นการเอาเงินมาให้คนไทย มาสร้างเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างธุรกิจ สร้างรายได้ให้รัฐ เห็นไหมว่าทีมฟุตบอลทั่วโลกยังต้องไปดึงคนเก่งมาร่วมทีมเพื่อให้ทีมเก่งขึ้น การได้นักธุรกิจเก่ง ๆ เข้ามาลงทุนในไทย คนไทยก็จะเก่งขึ้นไปอีก
ด้านการฟื้นฟู จะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวไทยดีที่สุด อย่าไปรอให้โควิด-19 หายไป ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย ต่างชาติอยากมาเมืองไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะเศรษฐีจากต่างประเทศ ซึ่งมองว่าไม่ได้รับเชื้อโควิด-19 เพราะมีรถส่วนตัว มีบ้านส่วนตัว มีเครื่องบินส่วนตัว ไม่ใช่คนงานที่อยู่หอพัก แออัด จึงน่าจะปลอดภัย ถ้าต่างชาติเข้ามาจะเป็นไรไป หากมาที่ จ.ภูเก็ต ต้องมีการกักตัวอยู่ในโรงแรม 15 วันแรก รวมถึงต้องมีการยืนยันผลการตรวจเชื้อด้วยว่าตรวจจากโรงพยาบาลไหน มีชื่อเสียงไหม ซึ่งคนมีเงินก็กลัวตายเหมือนกัน
จุดแข็งไทยปลอดภัยที่สุด
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ถือว่าเป็นวิกฤติทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย อย่างช่วงที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่เกิดจากประเทศไทยแล้วลามไปหลาย ๆ ประเทศ แต่โควิด-19 เป็นวิกฤติของโลก แล้วเมืองไทยนับเป็นเบอร์หนึ่งที่รักษาและปกป้องไม่ให้ลามได้ ทั่วโลกไม่มีประเทศไหนดีเท่าประเทศไทย ต้องถือเอาโอกาสนี้ชวนเศรษฐีและนักธุรกิจทั่วโลกที่จะทำธุรกิจให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เพราะประเทศไทยถือว่าปลอดภัยที่สุด เป็นที่หนึ่งที่รักษาโควิด-19 หาย ไม่ลาม ไม่กระจาย ซึ่งคนร่ำรวยหรือเศรษฐีในโลกนี้มีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 น้อย แต่ถ้ามาเมืองไทยแล้วติดโควิด-19 ก็รักษาหาย อย่างไรก็ตาม ในไทยมีคนที่เสียชีวิตทั้งหมด 59 คน ดังนั้นถือว่าประเทศไทยปลอดภัย สถานที่เที่ยวก็มีชื่อเสียง เช่นที่ จ.ภูเก็ต เกาะสมุย เป็นต้น และมีหลาย ๆ เกาะที่ต่างประเทศชอบ
โดยการเปิดประเทศจะต้องมีการโฆษณาความปลอดภัย โดยเฉพาะโรงแรมในไทย ประกอบกับมีโรงพยาบาลที่ทันสมัย มีแพทย์ มีพยาบาล ที่เก่ง มีคุณภาพ มีชื่อเสียง มีความรับผิดชอบ ต่อไปการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 จะต้องมีการโปรโมทว่าโรงแรมมีความปลอดภัยยังไง เช่น มีเครื่องปรับอากาศที่ฆ่าเชื้อโรคได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในอนาคตการท่องเที่ยวจะทวีคูณมากกว่าเดิม เพราะทุกคนติดนิสัยทำงานที่บ้านได้ ทำงานที่ไหนก็ได้ ไปเที่ยวไหนก็ทำงานได้ จะประชุมกับอเมริกา หรือจีน หรือญี่ปุ่น ที่ไหนก็ได้ ผ่านระบบต่าง ๆ เช่นโปรแกรมซูม แม้กระทั่งทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือ เพราะฉะนั้นด้วยโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว การท่องเที่ยวก็จะเปลี่ยนไปแบบเที่ยวไปทำงานไป ซึ่งมาเที่ยวในประเทศไทยก็ได้ทั้งความปลอดภัยและยังทำงานได้ด้วย
เดินหน้ารถไฟความเร็วสูง
ด้านโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งกลุ่มซีพีและรัฐบาลออกเงินคนละครึ่ง มูลค่ากว่าแสนล้านบาท ขณะนี้ภาครัฐอยู่ระหว่างการเวนคืนที่ดินเพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ให้แล้วเสร็จตามแผน โดยเป็นโครงการขนาดใหญ่รอบกว่า 20 ปี ที่เข้ามาทำอีกครั้ง หลังจากได้ทำธุรกิจเซเว่น-อีเลฟเว่น, โลตัส และโทรศัพท์ ไปก่อนหน้านี้
ส่วนการเกษตร จะต้องทำให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น ยกระดับสินค้าเกษตรไทย ซึ่งอาจมีข้อเสียเปรียบในธุรกิจอาหาร เพราะซื้อวัตถุดิบถูกยิ่งดี แต่ถ้าซื้อแพงต้นทุนก็สูง จะขายแพงก็จะขายได้ยากขึ้น จึงมองว่าไทยจะต้องไปสู้อะไรที่สู้ได้ เช่น ทุเรียน มะพร้าว และมังคุดของไทยนั้นยอดเยี่ยมที่สุดที่ควรสนับสนุน หาจุดแข็งแล้วผลักดัน อย่างทุเรียนก้านยาว ราคาลูกหนึ่งหลักหมื่น กิโลละหลายพัน รัฐบาลควรมีการสนุนสนับให้กู้เงินมาทำสวนทุเรียน เป็นต้น