XO อัพเป้าผลงานปีนี้โต 20% รับออเดอร์ทะลัก-กำลังผลิตเพิ่ม หลังปชช.ตุนอาหารช่วงล็อกดาวน์

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจปีนี้ บริษัทฯ มีออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส ซึ่งเป็นกลุ่มรายได้หลักของบริษัทฯ และมีอัตรากำไรสูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มผลิตภัณ์อื่นๆเนื่องจากซอสปรุงรสของบริษัทฯ ผลิตตามคำสั่งซื่อ (made to order)  ซึ่งจะเห็นคำสั่งซื้อของลูกค้าล่วงหน้า 4 – 6 สัปดาห์

โดยปัจจุบัน ออเดอร์ที่กำลังรอจัดส่งให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่ดีกว่าที่คาด จึงเชื่อว่าจะสนับสนุนให้แนวโน้มผลประกอบการปี 2563 เติบโตกว่าเป้าหมายจากเดิมที่วางไว้เมื่อต้นปีที่ 10% เป็น 20% และสนับสนุนความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มซอสในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น จากช่วงไตรมาส 2 อัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ 62% ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด จึงมั่นใจทิศทางไตรมาส 3/2563 ยังคงเป็นไปตามแผน

สำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งมีประมาณ 60 ประเทศทั่วโลก และมีกลุ่มลูกค้าทางอ้อมซึ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าปลีกกว่า 5,000 แห่ง ใน 70 ประเทศ

โดยยังคงมาจากทวีปยุโรปดังเดิม ในไตรมาส 2/63 มีสัดส่วนกว่า 83% ของยอดขายทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นยอดขายสกุลเงินบาท จึงคาดว่าได้อานิสงส์จากการกักตุนสินค้าในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ประกอบกับความรุนแรงของโควิด-19 ที่ยังสร้างผลกระทบต่อประชาชนทั่วโลก ทำให้ประชาชนยังคงนิยมทำอาหารเองที่บ้านอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ประเมินกำไรไตรมาส 3/63 อาจดีกว่าที่บล.โนมูระ และตลาดคาด อยู่ที่ 93 ลบ. (เพิ่มขึ้น 124% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) จากคำสั่งซื้อที่ยังสูงมาก ส่งผลต่อรายได้และกำไรขั้นต้นเป็นนิวไฮทั้งคู่ และคาดกำไรอีกอย่างน้อย 2 ไตรมาส (ไตรมาส 4/63 – ไตรมาส 1/64) ยังเติบโตแรงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากคำสั่งซื้อยังสูง รวมถึง ความกังวล COVID-19  2nd wave ในยุโรป (80% ของรายได้) และเหตุผลด้านเศรษฐกิจ (Cost saving) ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า ยิ่งทำให้กระแสการประกอบอาหารเองเป็นพฤติกรรมใหม่ที่ยั่งยืน โดยราคาหุ้นยังเป็นจุดเข้าลงทุนที่ดี ซื้อขาย PER21F ต่ำ 15x ต่ำกว่า Mean ที่ 21x และต่ำกว่า NRF ซึ่งปัจจุบัน PER21F สูง 30 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 15.3 บาท

พร้อมทั้งระบุถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเยอรมันนีเตรียมบังคับใช้มาตรการจำกัดผู้เข้าร่วมงานที่มีการรวมตัวกัน หรือ “Hot spot strategy” 1) กำหนดพื้นที่ที่มีอัตราติดเชื้อ 35 คน ต่อประชากร 1 แสนคนในรอบ 7 วัน สามารถจัดงานพื้นที่ส่วนตัวให้มีผู้ร่วมงานได้มากสุด 25 คน ขณะที่ พื้นที่สาธารณะจำกัดสูงสุด 50 คน  2) พื้นที่ที่มีอัตราติดเชื้อ 50 คนต่อประชากร 1 แสนคนในรอบ 7 วัน จำกัดงานส่วนตัวให้มีผู้ร่วมงานสูงสุด 10 คน ขณะที่ พื้นที่สาธารณะจำกัดสูงสุด 50 คน

ทั้งนี้ มอง Positive จากประเด็นดังกล่าว การเกิด Covid-19 2nd wave ในยุโรปถือว่ารุนแรงและผู้ป่วยสูงกว่าช่วงพีค มี.ค.-เม.ย.ในหลายประเทศ โดยเยอรมัน (25-30% ของรายได้) ถือเป็นประเทศที่ 4 ในยุโรปที่เพิ่มมาตรการ Social distancing ตามหลังก่อนหน้านี้มี อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ซึ่งเริ่มมาตรการช่วงปลายก.ย. ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยในเยอรมันปัจจุบันอยู่ที่ราว 2.2 พันคน/วัน สูงสุดในรอบ 5 เดือน (ผู้ป่วยสะสมเกือบ 3 แสนคน) ซึ่งผู้ป่วยสูงกว่าช่วงพีค มี.ค.-เม.ย. ชัดเจน อาจมีมาตรการเพิ่มเติม

ดังนั้นประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ยอดขายของ XO ปรับเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาทำอาหารเองมากขึ้น

โดยปัจจุบัน กลุ่มสินค้าของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้ม สัดส่วนประมาณ 81% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมาคือกลุ่มเครื่องปรุงแกงและเครื่องประกอบอาหาร ประมาณ 12% ส่วนที่เหลือ คือ กลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และกลุ่มอื่นๆ