สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้

สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวประจำวันที่ 26 ส.ค.58


– ช่วงเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.30 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 119.04 เยน/ดอลลาร์

– ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1450 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1529 ดอลลาร์/ยูโร

– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,320.08 ลดลง 3.80 จุด หรือ 0.29% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 45,889 ล้านบาท

– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 4,433.97 ล้านบาท (SET+MAI)

 

– ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดว่า ค่าเงินบาทในปีนี้อาจจะเห็นอยู่ที่ 37 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่ากว่าเป้าที่ตั้งไว้ 35 บาท/ดอลลาร์เป็นผลมาจากการที่แต่ละประเทศได้มีการปรับค่าเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของตัวเอง และเป็นผลมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาแข็งแกร่งทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อีกทั้งการลดค่าเงินหยวนของจีนส่งผลกระทบต่อค่าเงินทั่วโลกให้มีความผันผวน

– นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้านั้น ในส่วนของการเติมเงินให้กับเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าจะดำเนินการผ่านกลไกกองทุนหมู่บ้าน ขณะเดียวกันจะเสนอแนวทางเพิ่มแรงจูงใจเพื่อดึงดูดให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น พร้อมเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ใน 3 เดือน

– รมว.คลัง ยังกล่าวถึงกรณีที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อวานนี้ว่า คงไม่ทำให้เกิดปัญหาสงครามค่าเงินในภูมิภาค ซึ่งการที่จีนลดอัตราดอกเบี้ยลงก็เป็นการทำเพื่อดูแลเศรษฐกิจในประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะให้มีการขยายตัวได้ 7% ทั้งนี้มองว่าจีนยังมีเครื่องมือที่จะนำมาใช้อีกมากในการประคองเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอตัว

– นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกที่เติบโตได้ราว 2.9% โดยมีภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐช่วยผลักดันการเติบโต โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/58 ซึ่งจะมีการใช้งบลงทุนสร้างถนน 4 หมื่นล้านบาท และเริ่มการใช้จ่ายงบประมาณปี 59 เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 1%

– นางกอบกาญจน์ วัฒนาวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่า เหตุระเบิดแยกราชประสงค์จะกระทบบรรยากาศการท่องเที่ยวไม่เกิน 1 เดือน โดยยังมั่นใจเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ที่ 28.8 ล้านคน และทำรายได้ 2.2 ล้านล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีแรกทำได้ดีมาก โดยมั่นใจไตรมาสสุดท้ายจะปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะมีแผนการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

– นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวภายหลังการมอบนโยบายให้แก่หน่วยงานในสังกัด โดยยืนยันว่ากระทรวงไอซีทียังคงเดินหน้าดำเนินการเรื่องเศรษฐกิจดิจิตอล การเปิดประมูล 4G ตามแผน

– นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ กกพ.วันนี้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดค่าเอฟทีในงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.58 ลง 3.23 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 46.38 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะมีผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.73 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยเป็นการปรับลดลงน้อยกว่าที่เคยประมาณการไว้ เนื่องจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว

– นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อยและเครือข่าย ธนาคารกรุงไทย (KTB)ปรับเป้าสินเชื่อรายย่อยลดลงเหลือโต 6-9% จากเดิมที่โต 11-12% หลังจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าลดลงตามไปด้วย ประกอบกับ ธนาคารมีการเพิ่มเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น

– ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเงิน 1.40 แสนล้านหยวน เข้าสู่ระบบธนาคารของประเทศ ผ่านปฏิบัติการอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้น (short-term liquidity operations – SLO) โดยอัตราดอกเบี้ยระยะ 6 วัน อยู่ที่ 2.3% โดยความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางจีนเพิ่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) วานนี้ ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศยังคงเผชิญกับแรงกดดันช่วงขาลง

– นายอากัส มาร์โทวาร์โดโจ ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ความผันผวนในตลาดการเงินที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกนั้นน่าจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และคาดว่าจะกลับมาเป็นปกติในเดือนมี.ค.ปีหน้า

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button