ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 600 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณยังไม่ขึ้นดบ.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (26 ส.ค.) ที่ 16,285.51 จุด พุ่งขึ้น 619.07 จุด หรือ +3.95%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,697.54 จุด เพิ่มขึ้น 191.05 จุด หรือ +4.24% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,940.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.90 จุด หรือ +3.90%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ พุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค. เทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1%

ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้น 0.2% ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดต่ำลง โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อที่อยู่อาศัยแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปีที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐ ลดลงสู่ 4.08% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 4.11% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.มีความเป็นไปได้น้อยลง และยังไม่เหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้ ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นของนายดัดลีย์สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของสหรัฐ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ หุ้นกูเกิล และหุ้นอินเทล ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 5.5% ขณะที่หุ้น Amazon.com พุ่งขึ้น 7.4% และหุ้นเน็ทฟลิกซ์ ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 14%, หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดขึ้น 4.9% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5%, หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจบ่อน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 14.8% หลังจากมีรายงานว่า ชลัมเบอร์เกอร์ตกลงซื้อกิจการบริษัทคาเมรอน อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นคาเมรอนทะยานขึ้น 41%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงการประมาณการจีดีพีช่วงไตรมาส 2/2558 ครั้งที่ 2, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.

Back to top button