ตัวเลขศก.สหรัฐหนุนดอลล์ปรับขึ้น
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและตลาดหุ้นที่ดีดตัวขึ้นได้กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาสนใจดอลลาร์อีกครั้ง และช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1345 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1423 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5685 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.50 เยน จาก 119.79 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9527 ฟรังก์ จาก 0.9442 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7099 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7160 ดอลลาร์
นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
รายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสได้ช่วยคลายความวิตกประเด็นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่ ท่ามกลางความปั่นป่วนในตลาดในช่วงที่ผ่านมา แต่กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ถูกสกัดไว้หลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ยังไม่เหมาะสมที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้
นายดัดลีย์ระบุว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.มีความเป็นไปได้น้อยลงกว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน โดยความเห็นของประธานเฟดสาขานิวยอร์กนับเป็นปัจจัยที่สกัดช่วงขาขึ้นของดอลลาร์