ATP30 เปิดเทรดวันแรกร้อนแรง ปรับตัวขึ้นเหนือ IPO กว่า 100%
ATP30 เปิดเทรดวันแรกร้อนแรง ณ เวลา 10.00 น. ราคาอยู่ที่ 2.06 บ. เพิ่มขึ้น 1.11 บ. หรือ 116.84% จากราคาขาย IPO ที่ 0.95 บ. มูลค่าซื้อขายที่ 191.04 ลบ. เป็นผู้ให้บริการรถโดยสารไม่ประจำทางเพื่อขนส่งพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ระหว่างแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 เปิดเทรดวันแรก ณ เวลา 10.00 น. ราคาอยู่ที่ 2.06 บาท เพิ่มขึ้น 1.11 บาท หรือ 116.84% จากราคาขาย IPO ที่ 0.95 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 191.04 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 1.45%
โดย ATP30 เป็นผู้ให้บริการรถโดยสารไม่ประจำทางเพื่อขนส่งพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ระหว่างแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการ โดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) ซึ่งบริษัทได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่งไม่ประจำทางจากกรมขนส่งทางบก
ด้าน บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ ATP30 ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดอิสระ (DCF) เท่ากับ 1.06 บาท เนื่องจากคาดกำไรสุทธิของ ATP30 ที่จะเติบโตในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มในระยะ 1-2 ปีนี้หลังรับเงิน IPO ในครั้งนี้ ซึ่งจะเสนอขายจำนวน 160 ล้านหุ้น ราคาจอง 0.95 บาท (ราคาพาร์ 0.25 บาท) จะนำเงินทุนไปชำระหนี้ เสริมสภาพคล่องในกิจการและขยายจำนวนรถเพื่อรองรับการให้บริการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยคาดรายได้ของ ATP30 ขยายตัวในอัตรา 13% CAGR ใน 3 ปีข้างหน้าเติบโตตามการขยายจำนวนรถ แต่คาดอัตรากำไรสุทธิที่พัฒนาดีขึ้นมาก (คาดจาก 3.3% ในปี 57 ไต่ขึ้นเป็น 7% ในปี 59) เนื่องจาก
1) อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น จากการเพิ่มจำนวนรถให้บริการที่เป็นเจ้าของเองด้วยเงินทุน IPO ซึ่งให้อัตรากำไรดีกว่ารถร่วมเท่าตัว ต้นทุนราคาน้ำมันที่ถูกลง โดยราคาน้ำมันเฉลี่ยปัจจุบันลดลงจากปีก่อนไปแล้วราว 10% และการประหยัดต่อขนาดจากต้นทุนการบริหารเป็นค่าใช้จ่ายคงที่
2) การชำระเงินกู้ด้วยเงินเพิ่มทุนลดต้นทุนทางการเงินลง คาดว่าหลังการ IPO อัตราหนี้ต่อทุนจะลดลงจาก 4 เท่าเหลือราว 1 เท่า และสัดส่วนดอกเบี้ยจ่ายที่เคยเป็นกว่า 50% ของ EBIT ลดลงเหลือราว 25% จึงคาดกำไรสุทธิในปี 58 เติบโตถึง 43% จากปีก่อน และโตต่อเนื่องในระยะ 2 ปีข้างหน้าในอัตราเฉลี่ย 66% CAGR