“นายกฯ” เสนอญัตติเปิดประชุมสภาวิสามัญ วอนทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไข หาทางออกประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาถึงความจำเป็นในการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติว่า รัฐบาลรู้ว่าทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง แต่ต้องยอมรับว่าคนไทยหลายสิบล้านคนไม่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เกิดความวุ่นวาย และทุกคนมีความเชื่อของตัวเองมาตลอดชีวิต ดังนั้นต้องหาความสมดุลอย่างสร้างสรรค์

ทั้งนี้ หวังว่าสมาชิกรัฐสภาจะใช้เวลา 2 วันนี้มาหารือกัน ร่วมกันคิดในสิ่งที่สร้างสรรค์ ด้วยความคิดความสามารถและหัวใจของทุกคน รวมทั้งเลือดรักชาติทุกหยดในตัวของทุกคน เพื่อทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าไปในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อเป็นประโยชน์กับคนไทยในระยะยาว นำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดี แต่ก็ปกป้องอดีตที่มีคุณค่าด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากสมาชิกมีข้อเสนอใดที่สามารถปฏิบัติได้ มีประโยชน์และไม่ก่อให้เกิดปัญหาใหม่แทรกซ้อนตามมา รัฐบาลจะรับไปพิจารณาต่อไป ส่วนตัวเชื่อว่าพื้นฐานสังคมไทย เป็นสังคมที่มีความเป็นห่วงกันและกัน โดยอาจจะมีเรื่องที่เห็นต่างกันบ้าง แต่ทุกคนจะยังรักกันตลอดไป

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่รัฐบาลกำลังหามาตรการผ่อนปรนเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมๆ กับการดูแลด้านสุขภาพของประชาชน ขณะเดียวกันมีการชุมนุมเกิดขึ้นตามพื้นที่ต่างๆทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด อาจเป็นปัญหาทางสุขภาพของประชาชนต่อไป ดังนั้น รัฐบาลต้องมีความระมัดระวังในการบริหารราชการแผ่นดินว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งและเดินหน้าเศรษฐกิจควบคู่กัน รวมถึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับในประเทศและต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จากสถานการณ์ชุมนุมที่มีความต่อเนื่องไม่ควรจะเกิดขึ้น ซึ่งการชุมนุมอาจจะมีความยืดเยื้อและรัฐบาลเกรงว่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และอาจมีผู้ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ รัฐบาลจึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และล่าสุดได้ประเมินสถานการณ์และประกาศยกเลิกแล้ว

พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาลพยายามดูแลตามกฎหมาย มีการผ่อนผันและพยายามหยุดยั้งการชุมนุม แต่การชุมนุมยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องภายใต้ข้อเรียกร้องสำคัญ 3 ข้อ และเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำและผู้ชุมที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งหลายเรื่องก็กำลังดำเนินการ และศาลก็ได้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวหลายราย แต่รัฐบาลมีความเป็นห่วงการชุมนุมที่ยังมีความรุนแรงและไม่อยากให้เกิดการปะทะ แต่ต้องรักษาสิทธิของประชาชนทุกคน

นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า คนไทยทุกคนแม้จะมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่ยังมีความรักชาติ รักความเป็นไทย และต้องหาหนทางแก้ไขเพื่อนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น ด้วยหลักการและเหตุผล ตามกฎหมายและไม่ทำลายอดีตที่มีความแข็งแรง