SINGER คาดกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน ยืนเป้ารายได้โต 5-10%

SINGER คาดกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน ยืนเป้ารายได้โต 5-10% ดันกลยุทธ์ "ผ่อนถูก" ลุยครึ่งปีหลัง เผยอยู่ระหว่างเจรจากับ SPC ขายตู้เติมเงิน เพื่อบริการพนักงานในโรงงาน คาดสรุปได้ 1-2 เดือนนี้


นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ราว 5-10% จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 3,440.11 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่น่าจะดีกว่าปีก่อน จากปี 57 อยู่ที่ 241.43 ล้านบาท

โดยบริษัทมีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานใหม่ ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้จะเน้นในเรื่องของ “ผ่อนถูก” ในสินค้า 4 ตัวหลัก คือ ตู้น้ำมันหยอดเหรียญ,ตู้แช่เครื่องดื่ม,กล้องวงจรปิด และเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ โดยเชื่อว่าจากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวจะส่งผลทำให้ครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกได้

ทั้งนี้ บริษัทยังมีรายได้มาจากการให้เช่าพื้นที่โฆษณาในตู้เติมเงินมือถือ จากการร่วมมือกันกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และมีแผนที่จะผลักดันไปสู่ค่ายโทรศัพท์มือถือรายอื่นเพิ่มเติมทั้ง AIS,DTAC เป็นต้น

โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการค่ายโทรศัพท์มือถือดังกล่าวมีความต้องการที่จะขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรองรับการใช้งานที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งการใช้งาน 3G,4G จึงมองหาช่องทางในการขยายฐานลูกค้าที่มีต้นทุนไม่สูงมากนัก ขณะที่บริษัทฯก็มีรายได้จากการเป็นตัวแทนไปจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์มือถือของ TRUE ให้แก่ลูกค้า โดยมีการเริ่มจำหน่ายในเดือนส.ค.นี้ เป็นเดือนแรก ประกอบกับเป็นตัวแทนขาย AirTime ให้กับผู้ประกอบการทั้ง 3 ค่ายอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท สหพัฒน์พิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ขายตู้เติมเงิน เพื่อเป็นการให้บริการพนักงานในโรงงาน คาดว่าน่าจะสรุปได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สิ้นปีจะสามารถขายตู้เติมเงินได้ราว 8,000 ตู้ จากครึ่งปีแรกขายได้แล้ว 4,000 ตู้  อีกทั้งตู้น้ำมันหยอดเหรียญก็คาดว่าจะสามารถขายได้เฉลี่ยต่อปีราว 5,000 ตู้ จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,500 ตู้

สำหรับพอร์ตสินเชื่อปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท จากปี 57 อยู่ที่ 2,900 ล้านบาท และจำนวนบัญชีลูกค้าปีนี้จะอยู่ที่ 1.7 แสนบัญชี จากปีก่อนอยู่ที่ 1.65 แสนบัญชี ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5.8% จากไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 6.2% เนื่องด้วยบริษัทฯมีการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่ต้นปี 59 บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจ จากปีนี้มีการออกหุ้นกู้ไปแล้วจำนวน 800 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทมองกำลังซื้อครึ่งปีหลังตลาดจะยังไม่ฟื้นตัว จากภาคเกษตรกรที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่ แม้ว่าขณะนี้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ก็ตาม แต่การดำเนินงานของรัฐบาลน่าจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งถึงจะเห็นผลได้

Back to top button