ไทยจ่อถก RCEP โค้งสุดท้าย พร้อมทำ MOU สินค้าจำเป็นสู้ “โควิด”-หนุนความร่วมมือด้านศก.
ไทยจ่อถก RCEP โค้งสุดท้าย พร้อมทำ MOU สินค้าจำเป็นสู้ “โควิด”-หนุนความร่วมมือด้านศก.
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียนซัมมิท) ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 10-15 พ.ย.63 อาทิ การประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 19 การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) และการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เพื่อเตรียมการสำหรับผู้นำอาเซียนในการประชุมอาเซียนซัมมิท
นางอรมน กล่าวว่า สำหรับการประชุม AEC Council ครั้งที่ 19 เป็นการประชุมระดับสูงที่สุดของเสาเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานตลอดปีที่ผ่านมาของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อาทิ ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจที่เวียดนามในฐานะประธานอาเซียน ผลักดันให้สำเร็จในปีนี้ การทบทวนแผนงาน AEC ระยะครึ่งทาง การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (4IR) โดยในปีนี้ อาเซียนได้จัดทำกรอบฟื้นฟูและแผนดำเนินงานภายหลังการระบาดของโควิด-19 ซึ่งหากผู้นำเห็นชอบ จะเริ่มดำเนินการตามแผนฯ ทันที
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนการประชุมเตรียมการของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยการดำเนินการมาตรการที่มิใช่ภาษีสำหรับสินค้าจำเป็น ภายใต้แผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตของอาเซียนให้เข้มแข็ง เพื่อรองรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีสาระสำคัญ คือ หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ที่ไม่จำเป็นและไม่สอดคล้องกับความตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) ในสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ และกำหนดให้แจ้งมาตรการที่ประกาศใช้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่ง MoU ฉบับนี้จะมีอายุ 2 ปี และสามารถทบทวนได้ตามสถานการณ์ นอกจากนี้ จะหารือกับ รมว.การค้าสวิตเซอร์แลนด์เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับสวิตเซอร์แลนด์
สำหรับการประชุมรัฐมนตรี RCEP รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 10 ประเทศ กับคู่เจรจา 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จะหารือโค้งสุดท้ายก่อนการประชุมผู้นำ RCEP ซึ่งความตกลง RCEP จะสนับสนุนการค้าและการลงทุนที่เปิดกว้าง ครอบคลุม และเป็นไปตามกฎกติกา รวมทั้งจะสร้างความแข็งแกร่งและรักษาความเชื่อมโยงให้กับห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาค โดยเฉพาะการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ทั้งนี้ ในปี 2562 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่ารวม 107,674 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 62,841 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 44,833 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับเดือน ม.ค.-ก.ย.63 มีมูลค่าการค้ารวม 70,567 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 41,746 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 28,821 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์