AOT เล็งเปิดประมูลโครงการพัฒนาสนามบินสวุรรณภูมิ เฟส 2 ปลายปีนี้
AOT คาดเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ จะเปิดประมูลโครงการพัฒนาสนามบินสวุรรณภูมิ เฟส 2
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะประกาศร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ที่มีทั้งหมด 5 สัญญา และเปิดให้เอกชนเข้าซื้อซองประกวดราคาได้ในราวเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ โดยจากนี้ไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้จะยื่นร่าง TOR เข้าที่ประชุมคณะกรรมการราคากลาง และจากนั้นสิ้นเดือนก.ย.จะทยอยนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)เพื่อพิจารณาอนุมัติเสียก่อน
“ตอนนี้ทยอยนำแต่ละสัญญาเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลาง และคิดว่าสัญญาแรกจะส่งให้คตร.ได้ในสิ้นเดือนกันยายน พอขั้นตอนนี้เสร็จ เราก็เชิญชวนเอกชนร่วมประมูล คิดว่าน่าจะเปิดขายซองได้ประมาณเดือนพฤศจิกายนหรือไม่ก็เดือนธันวาคม”นายนิตินัยกล่าว
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 งบลงทุนประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มงาน คือ กลุ่มที่ 1 กลุ่มงานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 จะมี 2 สัญญา งานกลุ่มนี้ได้แก่ งานออกแบบและก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 (Midfield Sattellite) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านกิจกรรมการบินรวมทั้งสะพานเทียบเครื่องบิน ระบบ Docking Guidance, Gate Assignment ระบบสารสนเทศ และ ระบบ Baggage Handling เชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารหลัก ,งานก่อสร้างลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 รองรับหลุมจอดประชิดอาคาร จำนวน 28 หลุมจอด และงานออกแบบและก่อสร้างส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ และระบบขนส่งผู้โดยสาร (APM)
กลุ่มที่ 2 กลุ่มงานอาคารผู้โดยสาร ได้ก่ งานออกแบบและกอ่สร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ที่จะสามารถรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศได้เพิ่มอีก 15 ล้านคน/ปี และ งานออกแบบและก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบิน และที่จอดรถด้านทิศตะวันออก กลุ่มที่ 3 เป็นงานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ทั้งนี้ AOT คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 62 ทั้งนี้จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 15 ล้านคน/ปี จากปัจจุบันมีผู้โดยสาร 50 ล้านคน/ปี ซึ่งเกินกว่าที่สนามบินสุวรรณภูมิในปัจจุบันรองรับได้ 45 ล้านคน/ปี สำหรับโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ยังอยู่ระหว่างรอผลการอนุม้ติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (EHIA)