SMTขาขึ้นต่อเนื่อง! บวกอีก 4% รับแผนธุรกิจเด่น-ตั้งเป้ารายได้แตะ 7.5 พันลบ.ปี 68
SMTขาขึ้นต่อเนื่อง! บวกอีก 4% รับแผนธุรกิจเด่น-ตั้งเป้ารายได้แตะ 7.5 พันลบ.ปี 68
บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT ณ เวลา 15.55 น. อยู่ที่ระดับ 2.90 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 4.32% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 15.28 ล้านบาท
นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 64 จะเติบโต 40-50% จากปีนี้ มาที่ระดับ 2,600 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นเติบโต 20% โดยคาดมีสัดส่วนรายได้มาจาก 4 กลุ่มสินค้า ประกอบด้วย กลุ่ม IC Osat and Advance สัดส่วนประมาณ 41.9%, กลุ่ม PCBA & Box Build สัดส่วนประมาณ 26.6% และ 3.กลุ่ม Optics สัดส่วนประมาณ 31.5%
ปัจจุบันบริษัทมียอดคำสั่งซื้อเข้ามายาวไปจนถึงสิ้นปี 64 แล้ว ประกอบกับในช่วงครึ่งแรกของปี 64 บริษัทมีแผนจะเพิ่มลูกค้าใหม่อีก 10 ราย, ขยายพอร์ตฟอลิโอของธุรกิจ โดยจะเข้าไปรับงานประเภทเทิร์นคีย์มากขึ้น เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น, อัพเกรดระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ในไตรมาส 2/64 รองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต, เชิญซัพลายเออร์มาร่วม เพื่อขยายซัพพลายเชน คาดเห็นความชัดเจนได้ในเดือนม.ค.-ก.พ.64 และวางเป้าเซ็นสัญญากับลูกค้าในลักษณะสัญญาระยะยาวมากขึ้น รวมถึงขยายตลาดใหม่อย่าง ยุโรป, จีน, สหรัฐ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายมีรายได้เติบโตทุก ๆ ไตรมาส โดยคาดไตรมาส 1/64 จะมียอดขายที่ 545 ล้านบาท, ในไตรมาส 2/64 คาดมียอดขายอยู่ที่ 610 ล้านบาท, ไตรมาส 3/64 คาดอยู่ที่ 693 ล้านบาท และไตรมาส 4/64 คาดอยู่ที่ 743 ล้านบาท
ส่วนปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตเป็น 1,974 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,819.34 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 1,411.10 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ในปี 63 จะมาจากการขายสินค้าใน 4 กลุ่ม ได้แก่ IC Osat and Advance คาดมีรายได้ราว 1,119 ล้านบาท , PCBA & Box Build คาดมีรายได้ที่ 264 ล้านบาท, Optics คาดมีรายได้ที่ 592 ล้านบาท และที่เหลือเป็น High Precision / Medical
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 3/63 ที่มีรายได้รวมที่ 485 ล้านบาท หรือคาดมีรายได้รวมอยู่ที่ 503 ล้านบาท จากยอดคำสังซื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่อั้นมาตั้งแต่ปี 62
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 64-68) จะเติบโตแตะ 7,500 ล้านบาท โดยวางกลยุทธ์การเติบโตไว้ 3 เฟส ประกอบด้วย เฟส 1 วางเป้ายอดขายในปี 64 เติบโตเป็น 2,600 ล้านบาท, เฟส 2 วางเป้าหมายเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ในช่วง 4 ปี (ปี 65-68) หรือคิดเป็นการเติบโตในปี 65 มาที่ 3,000 ล้านบาท, ปี 66 อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท, ปี 67 อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท และปี 68 อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท และเฟส 3 ตั้งเป้าติดอันดับ TOP50 ของอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
การเติบโตในช่วง 3 ปีแรก (ปี 64-66) จะมาจากการเติบโตของธุรกิจหลัก ส่วนในปี 67-68 จะเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่ง SMT มีความต้องการขยายใน 3 เรื่อง ได้แก่ การขยายเพื่อได้รับสิทธิ์ต่าง ๆ เช่น การขยายในไทย จะต้องได้รับสิทธิประโยชน์บีโอไอ, ลงทุนในประเทศที่มีการบริหารจัดการได้ง่าย และลงทุน เพื่อให้อยู่ใกล้กับลูกค้ามากขึ้น เดินทางได้สะดวก รวมถึงลงทุน เพื่อให้มีเทคโนโลยีในการแข่งขันที่ดีขึ้น ส่วนขนาดของการลงทุน มองว่ามูลค่าจะต้องไม่เกิน 1,000 ล้านบาทต่อดีล หรือบริษัทจะต้องมียอดขายประมาณ 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ และบริษัทที่เข้าไปลงทุน จะต้องเติบโตได้ด้วยตัวเอง และยอดขายของ SMT ต้องใหญ่กว่าประมาณ 7-10 เท่า
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SMT (BUY, TP3.4) แนวโน้มไตรมาส 4/63 คาดกำไรฟื้นตัวจากขาดทุนในไตรมาส 4/62 แต่ลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามทิศทาง Gross margin และค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้น เทียบไตรมาสก่อนหน้าจากค่าใช้จ่ายโบนัส ทั้งนี้ปรับกำไรปี 20F ขึ้น +21%
ส่วนปี 64-64 ปรับขึ้น 6-7% รวมทั้งปรับ TP21F เป็น 3.40 บาท (เดิม 3.00 บาท) สะท้อนมุมมองบวกมากขึ้นต่อความสามารถในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและบริหาร Supply chain ได้ดีต่อเนื่อง ประกอบกับคำสั่งซื้อที่มีความแน่นอนขึ้น คงคำแนะนำ Buy