บล.เอเชีย เวลท์ ให้กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,340-1,400 หลังเฟดยันขึ้นดอกเบี้ยก.ย.

บล.เอเชีย เวลท์ ให้กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,340-1,400 หลัง Fed ยันขึ้นดอกเบี้ยก.ย.


นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีการประชุมนายธนาคารกลางของทั้งโลก จัดโดย Federal reserve สาขาแคนซัส โดยมี นาย สแตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ  (Fed) ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม และได้กล่าวว่า Fed ยังอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนกันยายนนี้ ทำให้ตลาดหุ้นในต้นสัปดาห์ทั่วโลกออกมาติดลบ

อย่างไรก็ตาม การขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่นั้น จะต้องดูความผันผวนของตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย และทั่วโลกด้วยหากไม่ผันผวนเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่หากมีปัจจัยลบอีก Fed จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้น สัปดาห์นี้จะต้องจับตาดู 2 ตัวเลขเศรษฐกิจจีน ได้แก่ ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ถ้าตัวเลขออกมาดีเลิศ ก็มีโอกาสสูงที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ถ้าไม่ Fed อาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

ด้านปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือน ประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งคาดว่าตัวเลขน่าจะไม่ค่อยดีนัก ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่านั้น มาจากการคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งโอกาสที่ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าไปมากกว่านี้ และธปท. จะต้องเข้ามาดูแลก็มีสูง นอกจากนี้ สัปดาห์นี้จะต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ชุดใหม่ว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไร

โดยประเมินปัจจัยภายนอกที่เป็นลบแต่ไม่แย่มากนัก แต่ปัจจัยภายในประเทศยังคงมีลุ้นด้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ บล. เอเชีย เวลท์ คาดว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ ไม่น่าจะติดลบมาก มองกรอบดัชนีที่ 1,340-1,400 จุด

สำหรับ Trading Idea ของ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำลงทุนในหุ้นของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล  จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก โอเลฟินส์  ขั้นปลายน้ำ ที่ผลิตจากก๊าซที่อ่าวไทยและมีโรงกลั่นเอง ซึ่งเคยแนะนำซื้อ ไปแล้วช่วงเดือน เมษายน แต่ช่วงนี้ มีปัจจัยใหม่ที่สำคัญ คือ PTTGC ได้มีประกาศซื้อหุ้นคืนระยะเวลา 6 เดือน นับจากเดือนกันยายนนี้ จำนวนไม่เกิน 90 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 45,000 ล้านบาท เมื่อราคาหุ้นต่ำกว่าราคา Book value ที่ 52.06 บาท

โดยรอบที่ผ่านมาราคาหุ้นลงไปที่ 49 บาท ซึ่งการซื้อหุ้นคืน ถือเป็นการจำกัดความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงของราคาหุ้น ทำให้ราคาหุ้น PTTGC ขยับตัวใกล้ 60 บาท มากขึ้น  นอกจากนี้ บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1.50 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 5.3% ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร

ด้านการคาดการการณ์อัตราเติบโตของกำไรปีนี้อยู่ที่ระดับ 101.2% จากปีที่แล้วที่มีกำไรที่ระดับ 1.5หมี่นล้านบาท ในปีนี้คาดว่า จะมีกำไรราว 3 หมี่นล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรก PTTGC กำไรดีมากจากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไปกว่า 30% ทำให้ไม่มี Inventory loss แม้ในช่วงปลายเดือน มิถุนายน ถึงกรกฎาคม ราคาน้ำมัน จะร่วงลงไปกว่า 20% แต่คาดว่าราคาน้ำมันในระดับ 40 USD ต่อบาร์เรล เป็นจุดต่ำสุดแล้ว ทำให้ PTTGC ไม่น่ามีผลขาดทุนจาก Inventory loss อีก ดังนั้น จึงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายเดิมที่ 71.60 บาท หรือมี Upside ที่มากกว่า 20% จากราคาปัจจุบัน

Back to top button