SO ส่งซิกไตรมาส 4 สดใส เดินหน้าฐานดันผลงานโตต่อเนื่อง
SO ส่งซิกไตรมาส 4 สดใส เดินหน้าฐานดันผลงานโตต่อเนื่อง
นายจิรณุ กุลชนะรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้ประกอบธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจรชั้นนำระดับประเทศ เปิดเผย แนวโน้มผลดำเนินงานของบริษัทไตรมาส 4 ปี 2563 ว่า จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโต สวนวิกฤตโควิด- 19 และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เนื่องจากบริษัทมีฐานทุนและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถหางานใหม่ๆ เข้ามาได้มากขึ้น ทั้งลูกค้าเดิมที่จ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งสัดส่วนการต่อสัญญาของลูกค้าเดิมยังสูงกว่า 90% และลูกค้ารายใหม่ รวมทั้งการขยายบริการใหม่ๆ ต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัทให้เติบโตมากขึ้น
นายจิรณุ กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ผลักดันให้ภาครัฐและธุรกิจเอกชนให้ความสำคัญกับการใช้ Outsource ด้านบุคลากรมากขึ้น เพื่อลดต้นทุน ลดภาระองค์กรในระยะยาวและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้ขณะนี้มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ติดต่อเข้ามายังบริษัทแสดงความสนใจใช้บริการงาน Outsource ด้านบุคลากร ในหลายกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจอาหาร อสังหาริมทรัพย์ โลจิสติกส์ การพัฒนาเทคโนโลยี บรรจุภัณฑ์ โรงแรม และกลุ่มโรงพยาบาล เป็นต้น
สำหรับลูกค้าใหม่ในไตรมาส 4 ที่เซ็นสัญญาจ้างงานกับบริษัทแล้ว เช่น สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน),บริษัท อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ไทย จำกัด (มหาชน), สถาบันอุทยานการเรียนรู้, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท สยามไอซิน จำกัด, องค์การเภสัชกรรม,กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย, การท่าเรือแห่งประเทศไทย, คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สำนักงานตรวจสอบ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี, บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ พีทีวาย จำกัด, บริษัท เทเลโทรลวัน จำกัด, บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป และบริษัท เอส เอ ไอ เทคโนโลยี เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นต้น
“ลูกค้าใหม่ มีการจ้างงานครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจที่บริษัทให้บริการ ได้แก่ 1.SO People บริการบริหารจัดการด้านบุคลากร เช่น พนักงานประจำออฟฟิศ พนักงานขับรถ 2.SO Green บริการดูแลภูมิทัศน์ สวนขนาดใหญ่ 3.SO Wheel รถยนต์ให้เช่า และ 4. SO Next บริการบริหารจัดการงานบันทึก”
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 63 บริษัทมีการเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจที่ซบเซาจากวิกฤติโควิด-19 โดยมีกำไรสุทธิ 41.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.91% จากไตรมาส 2 ปี 63 ที่มีกำไรสุทธิ 25.31 ล้านบาทและเพิ่มขึ้น 44.22 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.94 ล้านบาท ส่งผลให้งวดรวม 9 เดือน สิ้นสุด 30 ก.ย.63 มีกำไรสุทธิ 100.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.86 %จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 76.97 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากการลดต้นทุนและนำไอทีเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และคาดว่าทั้งปีอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะอยู่ที่ 17-18 %
“บริษัทขอให้ความมั่นใจกับผู้ถือหุ้นหุ้นและนักลงทุนว่าจะมุ่งมั่นสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งจะเห็นว่างวดครึ่งแรกของปี 63 คณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานงวด ม.ค.ถึง มิ.ย.63 หุ้นละ 0.16 บาทต่อหุ้น หรือจ่ายปันผลในอัตรา 80% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมายแล้ว และถือว่าจ่ายเกินนโยบายที่กำหนดจ่ายไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ” นายจิรณุ กล่าว