LEO วอลุ่มแน่น-พุ่งแรง 9% ลุ้น Q4 โตต่อ รับยอดบริการขนส่งหนุน
LEO วอลุ่มแน่น-พุ่งแรง 9% ลุ้น Q4 โตต่อ รับยอดบริการขนส่งหนุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ณ เวลา 11.57 น. อยู่ที่ระดับ 5.40 บาท บวก 0.44 บาท หรือ 8.87% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 251.16 ล้านบาท
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า Global growth กลุ่มเด่นกำไรดี เติบโตสูง บวกกับ-ค่าเงินบาทที่แนวโน้มระยะสั้นหยุดแข็งหนุนจิตวิทยาหุ้น สินค้าเกษตรส่งออก และหุ้น Export oriented เช่น CPF TFG KCE HANA DELTA LEO RCL AH SAT
โดยวานนี้(18พ.ย.63)ประชุม แบงก์ชาติ คงดอกเบี้ยตามคาด 0.5% แต่มีสัญญาณของการดูแลค่าเงินบาท หลังเห็นแนวโน้มค่าเงินดอลล์อ่อนค่าในปีหน้า ระยะสั้นส่งผลให้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีแรงซื้อคืน หนุนให้บาทมีโอกาสอ่อนค่าระยะสั้นๆ คาดถ้าสุดสัปดาห์นี้ไม่มีมาตรการใดๆออกมาหรือไม่มีการส่งสัญญาณเพิ่มเติม คาดบาทจะทรงตัวเพราะแรงซื้อคืนจะชะลอลง
ส่วนหุ้นที่เก็งกำไรตาม Sentiment บาทที่หยุดแข็งชั่วคราว คาดยังคงเล่นต่อได้ดีจากเมื่อวานนี้ แม้ไม่มีเรื่อง ค่าเงิน โดยพื้นฐานแล้วกลุ่ม Export oriented ยังคงน่าสนใจ
โดยก่อนหน้านี้นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 789.6 ล้านบาท ลดลง 5.6 ล้านบาท หรือ 0.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าได้รับผลกระทบที่น้อยมากจากวิกฤติโควิด-19 และมีกำไรสุทธิราว 43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิราว 39 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ไตรมาส 3/63 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 252.3 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นเติบโต 23.58% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ มีกำไรสุทธิราว 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิกว่า 3 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับสูงถึง 34.9% และกำไรสุทธิ 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.7%
“กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้ง ๆ ที่ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกชะลอตัว จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถการบริหารจัดการต้นทุนและกำไรขั้นต้นของเราได้เป็นอย่างดี เพราะหลักการทำงานของเราไม่ได้เน้นเฉพาะเรื่องของรายได้ แต่เราเน้นการสร้างผลกำไร เราพยายามอยู่ในตลาด Blue Ocean ไม่ลงไปแข่งขันเรื่องราคา เราเน้นการสร้างความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ อีกทั้งการที่เราให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งทางบก ทะเล และอากาศ และมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการแสวงหารายได้ สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ได้เป็นอย่างดี”นายเกตติวิทย์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้ผู้ประกอบนำเข้าและส่งออกเริ่มกลับมาใช้บริการขนส่งสินค้ามากขึ้น อีกทั้ง ยังได้รับแรงหนุนจากธุรกิจ E-Commerce ที่เติบโตมากขึ้น ในยุค New Normal รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นของผู้ประกอบการ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี โดยเฉพาะโปรโมชั่น 11.11 และ 12.12 รวมไปถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ทำให้ความต้องการส่งสินค้ามากขึ้น ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ มีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทเตรียมเข้าซื้อกิจการ 2-3 บริษัท ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศอาเซียน โดยอยู่ในประเทศ 1 แห่ง เป็นธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจขนส่งทางอากาศ และในอาเซียน 2 บริษัท มีเป้าหมายเป็นบริษัทที่มีรายได้ประมาณ 100-200 ล้านบาท/ปี และมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง คาดว่าปลายปี 2564 จะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ราย