“ไบเดน” ชูแคมเปญ “America Is Back” ปลุกสหรัฐ หวนผงาดเวทีโลก เลิกชาตินิยม-สร้างปมขัดแย้ง
“ไบเดน” ชูแคมเปญ “America Is Back” ปลุกสหรัฐหวนผงาดเวทีโลก เลิกชาตินิยม-สร้างปมขัดแย้งประเทศพันธมิตร
นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวสุนทรพจน์ในระหว่างการเปิดตัวทีมนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นที่รัฐเดลาแวร์ในวันอังคาร (24 พ.ย.63) ตามเวลาสหรัฐ โดยนายไบเดน กล่าวว่า สหรัฐพร้อมแล้วที่จะกลับมาเป็นผู้นำบนเวทีโลกอีกครั้ง และให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับบรรดาประเทศพันธมิตรของสหรัฐ โดยถ้อยแถลงของนายไบเดนถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสหรัฐ หลังจากที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เคยชูนโยบาย “America First”
นายไบเดน ส่งสัญญาณว่า ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.แล้ว เขาจะนำสหรัฐออกจากนโยบายชาตินิยมเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นค่านิยมที่ปธน.ทรัมป์ผลักดันมาโดยตลอด จนเป็นเหตุให้สหรัฐต้องบาดหมางกับบรรดาชาติพันธมิตร โดยเฉพาะในยุโรป และสร้างปมขัดแย้งด้านการค้าระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ นายไบเดน ยังกล่าวว่า ทีมงานของเขา ซึ่งรวมถึงนายแอนโทนี บลินเคน ที่เขาเตรียมเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่นั้น จะขจัด “ความคิดเก่าๆ และพฤติกรรมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง” ออกไปจากนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยจะชูนโยบาย “America is back” เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐพร้อมแล้วที่จะกลับมาเป็นผู้นำบนเวทีโลกอีกครั้ง และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู แต่จะไม่ปฏิเสธเหล่าประเทศพันธมิตร
โดยนายไบเดน ให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับบรรดาชาติพันธมิตรเพื่อรักษาอเมริกาให้ปลอดภัย โดยจะไม่สร้างความขัดแย้งทางทหารที่ไม่จำเป็น พร้อมกับกล่าวว่า ทีมงานของเขาได้ประสานงานกับคณะบริหารของปธน.ทรัมป์เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และแผนการแจกจ่ายวัคซีน ทันทีที่เขาได้รับการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้มอบหมายให้นางเอมิลี เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (General Services Administration – GSA) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่คณะบริหารของนายไบเดน ซึ่งทำให้นายไบเดนสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นในการถ่ายโอนอำนาจ เพื่อให้เขาสามารถเข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้อย่างราบรื่นนอกจากนี้ GSA ยังได้อนุมัติเงินกว่า 7 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีให้กับนายไบเดนด้วย