“ทรีนีตี้” มองหุ้นไทยเดือนธ.ค.ย่อตัว แนะลดน้ำหนักลงทุน-รอช้อนช่วงแนวรับ 1,330 -1,350 จุด

“ทรีนีตี้” มองหุ้นไทยเดือนธ.ค.ย่อตัว แนะลดน้ำหนักลงทุน-รอช้อนช่วงแนวรับ 1,330 -1,350 จุด


นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือน ธ.ค.ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปี ว่า ทรีนีตี้ได้แนะนำปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยลงเหลือ 5% จากเดือนก่อนที่ให้น้ำหนักการลงทุนไว้  15% และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกเป็น 15% จากที่เดือนก่อนไม่แนะนำ และให้เพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดเป็น 40% จาก 35%

ส่วนการลงทุนในทองคำและบิตคอยน์ ให้น้ำหนักเท่าเดิมที่ 10% ซึ่งในกรณีที่ราคาทองคำลดลงต่ำกว่า1,800 เหรียญฯ/ออนซ์ แนะนำให้นักลงทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ในทองคำในระดับต่ำ เพิ่มทองคำเข้าพอร์ตได้ เพราะเชื่อว่าในภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรแท้จริงยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ทองคำยังคงมีความน่าสนใจ และยังสามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมได้อีกด้วย

“เหตุผลที่ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยลงเหลือ 5% เพราะต้องยอมรับว่าหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรงมากในเดือน พ.ย.กว่า 20% นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มวัฏจักร ตามความคาดหวังของวัคซีนต้าน COVID-19 เป็นสำคัญ มองว่าเดือน ธ.ค. หุ้นไทยจะชะลอความร้อนแรงลง ประกอบกับการไหลเข้ามาของเงินทุนต่างชาติที่น่าจะเริ่มลดลง จากแพ็กเกจดูแลค่าเงินบาทของธปท.ที่เตรียมออกมา และช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีที่เป็นเทศกาลวันหยุดยาว”

นอกจากนี้อาจเห็นการปรับพอร์ตของกองทุนขนาดใหญ่ของโลกในช่วงปลายปีเพื่อล็อคกำไรจากหุ้น โดยการโยกเงินเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้นแทน หลังจากที่หุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรง ด้วยเหตุนี้ ยังไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนระยะกลางและยาว คาดในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้าดัชนีมีโอกาสย่อตัวลงมาซึ่งจะเป็นโอกาสในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตได้ดีกว่า

ทั้งนี้ ประเมินกรอบแนวต้านแรกของดัชนีหุ้นไทยในเดือน ธ.ค.ที่ 1,450-1,460 จุด และแนวต้านสำคัญที่ 1,500 จุด ขณะที่แนวรับแรกประเมินที่ 1,400 จุด และแนวรับสำคัญที่ 1,330 -1,350 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่สามารถเข้าซื้อหุ้นได้

สำหรับหุ้นแนะนำในเดือน ธ.ค.หากต้องการเข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้จริง มองไปยังหุ้นเติบโตหรือ Growth stock ที่อยู่ในช่วงพักฐาน โดยมองว่าสภาพแวดล้อมต่างๆในปัจจุบันยังคงสนับสนุนการปรับตัวของหุ้นกลุ่มนี้ในช่วงถัดไปได้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ยังคงมีอัตราการเติบโตต่ำหรือติดลบ รวมไปถึงระดับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำหรือติดลบเช่นกัน มองตัวหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มนี้ ได้แก่ KCE และ STGT เป็นต้น

Back to top button