สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ธ.ค. 2563

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ธ.ค. 2563


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขานรับความหวังที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งข่าวรัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,883.79 จุด เพิ่มขึ้น 59.87 จุด หรือ +0.20% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,669.01 จุด เพิ่มขึ้น 6.56 จุด หรือ +0.18% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,349.37 จุด ลดลง 5.74 จุด หรือ -0.05%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร หลังตลาดทะยานขึ้น 14% ในเดือนพ.ย. แต่หุ้นไบโอเอ็นเทคของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด หลังจากอังกฤษเป็นประเทศแรกที่อนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่ไบโอเอ็นเทคร่วมพัฒนากับบริษัทไฟเซอร์

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.05% ปิดที่ 391.69 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่  5,583.01 จุด เพิ่มขึ้น 1.37 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,313.24 จุด ลดลง 69.06 จุด หรือ -0.52% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,463.39 จุด เพิ่มขึ้น 78.66 จุด หรือ +1.23%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวรัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคแล้ว ขณะที่เงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงได้หนุนหุ้นกลุ่มส่งออก

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,463.39 จุด เพิ่มขึ้น 78.66 จุด หรือ +1.23%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ขานรับข่าวรัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตต่อไปจนถึงปีหน้า รวมทั้งตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 45.28 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 48.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 11.3 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,830.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 24.08 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ 1,012.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 21.50 ดอลลาร์ หรือ 0.9%  ปิดที่ 2,408.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลข้อมูลแรงงานที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.22% แตะที่  91.1153 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8960 ฟรังก์ จากระดับ 0.9006 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2921 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2936 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 104.55 เยน จากระดับ 104.40 เยน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2099 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2047 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3359 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3416 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7402 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7364 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button