สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 17 ธ.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 17 ธ.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮ ขานรับความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยนักลงทุนคาดว่า สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) จะอนุมัติใช้วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา หลังจากให้การอนุมัติวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,303.37 จุด เพิ่มขึ้น 148.83 จุด หรือ +0.49% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,722.48 จุด เพิ่มขึ้น 21.31 จุด หรือ +0.58% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,764.75 จุด เพิ่มขึ้น 106.56 จุด หรือ +0.84%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเร็วขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มว่าสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆ นี้ และสหภาพยุโรป (EU) จะอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ก่อนปีใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.30% ปิดที่ 397.28 จุด
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,549.46 จุด เพิ่มขึ้น 1.78 จุด หรือ +0.03%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,667.25 จุด เพิ่มขึ้น 101.27 จุด หรือ +0.75% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,551.06 จุด ลดลง 19.85 จุด หรือ 0.30%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่รอดูความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,551.06 จุด ลดลง 19.85 จุด หรือ -0.30%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) และทำสถิติปิดที่ระดับสูงสดในรอบกว่า 9 เดือน โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 48.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 51.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) และทำสถิติปิดที่ระดับสูงสดในรอบกว่า 9 เดือน โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 48.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 51.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.ปีนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง หลังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงการค้า
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.7% แตะที่ 89.8200 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.10 เยน จากระดับ 103.61 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8849 ฟรังก์ จากระดับ 0.8871 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2727 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2754 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 1.2264 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2164 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3574 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3478 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7622 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7563 ดอลลาร์สหรัฐ