ตร.รวบ 4 ผู้ต้องหา ร่วมขบวนการโกง “คนละครึ่ง” แย้มมีเข้าข่ายอีกกว่า 700 ราย!
ตร.รวบ 4 ผู้ต้องหา ร่วมขบวนการโกง “คนละครึ่ง” แย้มมีเข้าข่ายอีกกว่า 700 ราย!
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) แถลงผลตรวจสอบและดำเนินคดีผู้ทุจริตในโครงการคนละครึ่ง โดยมีผลการดำเนินคดี 1 ราย ผู้ต้องหา 4 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์เป็นแบบเจ้ามือโฆษณาชักชวนให้ประชาชนที่ร่วมโครงการฯ มาแลกรับเงินจากเจ้ามือโดยไม่ต้องมีการซื้อจริง
จากการตรวจสอบพบธุรกรรมต้องสงสัยมีการสแกนใช้สิทธิกับร้านขายของชำแห่งหนึ่งในเขต จ.สมุทรสาคร โดยประชาชนหลายรายมีภูมิลำเนาและที่อยู่ปัจจุบันห่างไกลจากร้านค้าดังกล่าวมาก บางรายอยู่ จ.เชียงใหม่, จ.สงขลา เป็นต้น แต่กลับมีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังกับแอปพลิเคชั่นถุงเงินของร้านค้าดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ใน จ.สมุทรสาคร ประชาชนได้รับโอนเงินส่วนต่างจากเจ้ามือจำนวน 80-100 บาท ต่อการทำธุรกรรมใช้จ่ายผ่านร้านดังกล่าว
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่ายังมีกลุ่มที่อาจจะเข้าข่ายกระทำความผิดในลักษณะนี้อีกกว่า 700 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ขณะนี้ ผบ.ตร.อยู่ระหว่างมีคำสั่งแต่งตั้งชุดปฏิบัติการสืบสวน เพื่อสนับสนุนในการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ของบุคคล กลุ่มบุคคล ที่เกี่ยวข้องในภาพรวมก่อนว่ามีผู้ใด หรือมีเครือข่ายใดเกี่ยวข้องบ้าง และ สศค.อาจจะมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานฯ ซึ่งมีอยู่ในแต่ละจังหวัดไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยจะให้นำแนวทางการสืบสวนสวนในภาพรวมของ บช.ก.และ ตร.ดังกล่าวไปใช้ เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนว่า แม้คดีฉ้อโกงจะมีอัตราโทษไม่มาก จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ 5 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือ 100,000 บาทก็ตาม แต่การกระทำความผิดในแต่ละครั้งจะถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ หากมีการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวซ้ำๆ หลายครั้งก็จะได้รับโทษในทุกๆครั้ง เมื่อรวมแล้วอาจจะได้รับโทษจำคุกถึง 10-20 ปี หรือมากกว่านั้น
ดังนั้นขออย่าได้เข้าร่วมในการกระทำการทุจริตในโครงการฯดังกล่าว เพราะจะมีการตรวจสอบที่เข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายร้านค้าผู้ประกอบการหรือประชาชน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาสของผู้อื่น จึงขอความร่วมมือประชาชนไม่ให้หลงเชื่อการชักชวนให้กระทำผิดเงื่อนไขโครงการ เพราะทั้งร้านค้าและประชาชนจะถูกตัดสิทธิ และจะถูกดำเนินคดีทุกรายซึ่งมีอายุความในการดำเนินคดีถึง 10 ปี