SF คาดรายได้ปีนี้โต 5% จากปีก่อน รุกเพิ่มพื้นที่เช่าต่อเนื่อง

SF คาดรายได้ปีนี้โต 5% จากปีก่อน หลังอัตราเช่ายังสูง รุกเพิ่มพื้นที่เช่าอย่างต่อเนื่อง เผยอยู่ระหว่างพิจารณาขายที่ดินที่ติดกับโครงการ "เซ็นทรัล เวสต์เกต" บางใหญ่ ประมาณ 50 ไร่ หลังราคาที่ดินปรับตัวขึ้นมาราว 30%


นายกิตตินันท์ สำรวจรวมผลประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรม) จะอยู่ที่ 370 ล้านบาท หรือเติบโตราว 30-40% จากปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่รายได้คาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อน 1,868.59 ล้านบาท เป็นการเติบโตจากการปรับขึ้นค่าเช่าในช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ย 5% ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 95%

“ในปีนี้ศูนย์การค้าของเราทั้งหมดยังมีอัตราการเช่าพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 95% ซึ่งเราไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าเรายังถือว่าดีอยู่ เพราะเราจับกลุ่มลูกค้าที่ระดับ B และ B+ และ A ทำให้เราปรับเพิ่มค่าเช่าขึ้นได้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 5% “นายกิตตินันท์กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มพื้นที่เช่าอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด 412,369 ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอ LPN ทาวน์ ชิพ รังสิต คลอง 1 พื้นที่เช่า 5,100 ตารางเมตร จะเปิดในช่วงไตรมาส 1/59 และอยู่ระหว่างปรับปรุงเพิ่มพื้นที่ให้เช่าในโครงการที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่จะเพิ่มพื้นที่เช่าขึ้นอีก 2,100 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/59 และโครงการมาร์เก็ตเพลส ทุ่งมหาเมฆ ที่จะเพิ่มพื้นที่เช่า 9,000 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/60

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาขายที่ดินที่ติดกับโครงการ “เซ็นทรัล เวสต์เกต” บางใหญ่ ประมาณ 50 ไร่ เนื่องจากราคาที่ดินปรับตัวขึ้นมาแล้วราว 30% สำหรับการพัฒนาโครงการเมกา รังสิต ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนราว 49%ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบ และสรุปข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการไว้แล้ว 200-300 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปกลางปี 59

โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินทุนเพียงพอ เนื่องจากมีเงินสดอยู่ในมือกว่า 600 ล้านบาท และยังสามารถกู้เงินจากสถาบันทางการเงินได้อีก ซึ่ง บริษัทฯมีระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.3-0.4 เท่า ขณะที่นโยบายบริษัท D/E จะไม่เกิน 1.5 เท่า

Back to top button