สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 23 ธ.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 23 ธ.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งความหวังที่ว่าสหรัฐจะสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในท้ายที่สุด แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะไม่ลงนามในมาตรการดังกล่าวก็ตาม โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธนาคาร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,129.83 จุด เพิ่มขึ้น 114.32 จุด หรือ +0.38% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,690.01 จุด เพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือ +0.07% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,771.11 จุด ลดลง 36.81 จุด หรือ -0.29%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับสัญญาณบ่งชี้ที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถทำข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้ไม่ช้านี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.08% ปิดที่ 395.49 จุด
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,527.59 จุด เพิ่มขึ้น 60.73 จุด หรือ +1.11%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,587.23 จุด เพิ่มขึ้น 169.12 จุด หรือ +1.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,495.75 จุด เพิ่มขึ้น 42.59 จุด หรือ +0.66%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้ก่อนวันคริสต์มาสนี้ ซึ่งจะหลีกเลี่ยงความวุ่นวายจากการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง (no-deal Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,495.75 จุด เพิ่มขึ้น 42.59 จุด หรือ +0.66%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 48.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 51.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐซึ่งเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,878.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 38.6 เซนต์ หรือ 1.51% ปิดที่ 25.921 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 7.7 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 1,017.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 16.00 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 2,339.10 ดอลลาร์/ออนซ์
เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนข่าวที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงต่ำกว่าการคาดการณ์ในเดือนพ.ย.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% แตะที่ 90.4100 เมื่อคืนนี้
เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3480 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3353 ดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2179 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2160 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7572 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7530 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.61 เยน จากระดับ 103.68 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8889 ฟรังก์ จากระดับ 0.8901 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2857 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2902 ดอลลาร์แคนาดา