XO วิ่งฉิว 4% ลุ้นกำไรไตรมาส 4 โตกระฉูด โบรกฯเคาะเป้าใหม่ 15.30 บ.
XO วิ่งฉิว 4% ลุ้นกำไรไตรมาส 4 โตกระฉูด โบรกฯเคาะเป้าใหม่ 15.30 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ณ เวลา 11.20 น. อยู่ที่ระดับ 9.70 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 3.74% สูงสุดที่ระดับ 9.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41.18 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ XO เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าการเติบโตต่อเนื่อง หลังผลงานในปี 2563 คาดทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ระบาดในประเทศไทยและระบาดไปทั่วโลก สนับสนุนให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ปัจจัยในการเติบโตทั้งหมด เพราะมองว่าความสำเร็จของผลประกอบการในปีนี้ มาจากความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มซอสจากลูกค้าเดิมที่ขยายตัว และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปี 2562 ราว 5 – 6 ราย สนับสนุนยอดขายเข้ามาค่อนข้างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ XO ยังคงมั่นใจจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2564 เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯ มีออเดอร์ล่วงหน้าอยู่ในระดับที่น่าพอใจไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า มองแนวโน้มไตรมาส 1/2564 ภาพรวมอาจใกล้เคียงช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ในปีนี้ อีกทั้งแผนการบุกตลาด โดยวางงบลงทุนค่า Listing Fee ไว้ราว 10-15 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่ขาย พร้อมเจาะ Outlet ในกลุ่ม Top5 ของประเทศนั้นๆ หรือในตลาดที่มีศักยภาพ เพิ่ม SKU ในสินค้ากลุ่มซอสที่ขายดีในยุโรป และรุกตลาดจีน
โดยในปี 2563 บริษัทฯ รุกตลาดในประเทศจีนได้เพิ่มขึ้น โดยนำสินค้าเข้าไปขายในวอลมาร์ต (Walmart) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบัน เริ่มพูดคุยกับดิสทริบิวเตอร์ที่จีน และเพิ่มงบค่า Listing fee คาดจะนำสินค้ากลุ่มซอสวางจำหน่ายเพิ่มเติมในปีหน้าอีกราว 1-2 แห่งที่เซี่ยงไฮ้ และมีแผนออกงานแสดงสินค้าในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มเติม ควบคู่ขยายช่องทางออนไลน์ไปยังทีมอล (Tmall) จึงมั่นใจ จะได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และคาดจะได้เห็นผลตอบรับในช่วงไตรมาส 3 ปีหน้าเป็นต้นไป
พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2564 เติบโตอีก 10% – 15% จากปี 2563 ที่มีฐานการเติบโตที่อยู่ในระดับสูง และสนับสนุนให้กำไรคาดเติบโต 20% – 25% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นวางไว้อยู่ในระดับ 40% ต่อเนื่อง ตามการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และการขยายตลาดสินค้ากลุ่มซอสซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มที่มาร์จิ้นสูงสุดในกลุ่มได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยมีการล็อคราคาล่วงหน้าทั้งน้ำตาล และกระเทียมไว้ยาว จนถึงสิ้นปี 2564
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่า บริษัทฯ ไม่กังวล เพราะปกติเราขายเป็นสกุลเงินบาทเป็นส่วนใหญ่ราว 75% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ ยอดขายสกุลดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง บริษัทฯ มีสัดส่วนเพียง 20% เนื่องจากคู่ค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่ 80% อยู่ในทวีปยุโรป และค่าเงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ทำให้ไม่กระทบต่อลูกค้า และไม่มีการต่อรองสินค้าเข้ามา
“เนื่องจากหลายคนตั้งคำถามว่า XO ผูกกับโควิด-19 เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ยังมีความรุนแรง เราก็มียอดขายที่ดีขึ้น แต่หากสถานการณ์โควิด-19 จบลง ยอดขายจะเป็นอย่างไร ผมก็ยอมรับว่า เราได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้ แต่เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากปลายปี 2562 ที่ผ่านมา เราได้ดิสทริบิวเตอร์รายใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพราว 5-6 ราย ทำให้เพิ่มพื้นที่ขายได้หลายสาขา และยอดขายโตพอสมควร
ดังนั้น ในปี 2563 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการล็อกดาวน์ ทำให้เราได้อานิสงส์ในแง่ของยอดขายเพิ่มขึ้นจริง แต่บริษัทฯ ประเมินยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะโควิด-19 อยู่ที่ประมาณไม่ถึงร้อยล้านบาท จากยอดขายทั้งหมดที่ทำได้ เพราะเรายังคงโตจาก Organic Growth ด้วย” นายจิตติพร กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุ XO จ้าวแห่งซอส ที่กำไรยังเด่นต่อเนื่องคาดผลงานเติบโตแรงเท่าตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (y-y) ไปอย่างน้อย 3 ไตรมาส (ไตรมาส 3/2563 -ไตรมาส 1/2564) และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดี สวนทางภาพรวมเศรษฐกิจ เพิ่มคำแนะนำจาก Trading buy เป็น “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายปีหน้าขึ้นมาที่ 15.30 บาท (จากเดิม 10.5) อิง PER 20 เท่า Upside 66% จากปรับกำไร 2563-65 ขึ้นเฉลี่ย 67% จากรายได้และอัตรากำไรเพิ่มขึ้น
โดยมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนมาประกอบอาหารเองจะยืนระยะนานกว่าที่คาด เดิมจากเหตุผล ด้าน Cost saving เพิ่มเติมในภาวะเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวช้าๆ ลักษณะ U-Shape โดยเฉพาะพื้นที่หลัก ยุโรป (รวมคนเอเชียในยุโรป) ยังพบปัญหาราคาอาหารสูงขึ้น รวมถึง สถานการณ์ 2nd wave ในยุโรปที่กลับมาปะทุแรงกว่าช่วงพีค มี.ค.-เม.ย.จะยิ่งเป็นแรงส่งให้การเปลี่ยนพฤติกรรมดูต่อเนื่องมากขึ้น
ทั้งนี้ ระยะสั้น คาดกำไรไตรมาส 4/63-ไตรมาส 1/64 ยังอยู่ในจุดที่ดีมาก คาดจะเติบโตแรง เท่าตัวจากปีก่อนจากทั้งแรงส่งระยะสั้น 2nd wave ยุโรป, เข้าฤดูหนาว หนุนทั้งรายได้และMargin เพิ่มเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน จึงประมาณการกำไร 2563 สูงกว่า Consensus 20% แต่คาดตลาดยังมี โอกาสปรับประมาณการเพิ่มตามมาในช่วงถัดไป โดยคาดกำไรปีนี้เป้าหมาย 305.9 ล้านบาท